วิบากกรรมของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ที่เคยติดลบสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ทะลุ 130,000 ล้านบาทในปี 2565
ต่อมาในปี 2567 ช่วงเดือนมกราคม กองทุนน้ำมันฯ เริ่มติดลบลดลงเหลือประมาณ 80,000 ล้านบาท และเริ่มกลับมาติดลบระดับ 100,000 ล้านบาทอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2567
เกิดจากภารกิจดูแลราคาน้ำมันขายปลีกของไทยให้มีเสถียรภาพ ภายใต้ 2 โจทย์สำคัญคือ ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร และตรึงราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ไม่เกิน 423 บาทต่อถัง (ขนาด 15 กิโลกรัม)
ล่าสุด สกนช. กางโรดแมปกลับมาเป็นพวก ชำระหนี้เงินกู้วงเงินรวม 105,333 ล้านบาท หนี้เสร็จในปี 2571
พรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ให้ข้อมูลว่า จะเดินหน้ารักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง โดยใช้กองทุนน้ำมันฯเข้าดูแลสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวน
กรณีดีเซล เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯได้ตรึงราคาไม่เกินลิตรละ 33 บาทแบบไม่มีกำหนด จากเดิมมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตรึงราคาถึง 31 ตุลาคม 2567
ทำให้ปัจจุบัน ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 กองทุนฯจัดเก็บเงินดีเซลลิตรละ 0.87บาท หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปัจจุบันกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อาจทบทวนการขยับราคาขายปลีก
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯได้ เนื่องจากยังมีภาระการชำระหนี้เงินกู้ยืมเงินต้นและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน ที่วงเงินรวม 105,333 ล้านบาท โดย สกนช.มีกำหนดแผนชำระหนี้เสร็จในปี 2571 ทยอยจ่ายคืนเริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้ งวดแรกประมาณ 500 ล้านบาท และทยอยเพิ่มขึ้นทุกเดือนตามวงเงินที่กู้แต่ละงวด
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในช่วงรอบปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 81.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้อยกว่าปีก่อน 1.8 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 102.01 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้อยกว่าปีก่อน 10.89 ดอลลาร์สหรัฐ และเบนซินอยู่ที่ 95.12 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้อยกว่าปีก่อน 4.48 ดอลลาร์สหรัฐ
สาเหตุมาจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ สงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ส่วนสถานการณ์ที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับลงยังคงเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศจีนที่เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ความต้องการบริโภคน้ำมันลดลง ทำให้ราคาผันผวนตลอดเวลา
นอกจากนี้ ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังนักลงทุนยังคงประเมินนโยบายต่างๆ ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และการระงับการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ จากพายุ
เฮอริเคน
โดยราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัส 72.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันเบรนท์ 75.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดูไบ 73.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดีเซล 90.29 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และเบนซิน 85.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ในด้านการรักษาระดับเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีการดำเนินการตามแผนวิกฤตการณ์ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกปรับลดลง
สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลช่วงระหว่างเดือนกันยายน 2566 ถึง มีนาคม 2567 รัฐบาลได้กลับไปตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร หลังจากที่ได้ขยับเพดานอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตรก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันมีการลดการจัดเก็บเงินในกลุ่มน้ำมันเบนซินลง 1 บาทต่อลิตรเพื่อลดราคาขายปลีกลง 1 บาท ในช่วงพฤศจิกายน 2566-มกราคม 2567 ทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันฯน้อยลง
โดยที่กองทุนน้ำมันฯยังต้องให้การอุดหนุนราคาน้ำมันอยู่ ส่วนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ก็ถูกตรึงราคาตลอดปีตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 423 บาทต่อถังงขนาด 15 กิโลกรัม (กก.) เพื่อบรรเทาภาระให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯมีเงินไหลเข้าประมาณ 7,000-9,000 ล้านบาทต่อเดือน ฐานะกองทุนจากวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่เคยติดลบ 111,663 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจี ติดลบ 47,597 ล้านบาท
เป็นติดลบเหลือ 99,087 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 51,643 ล้านบาท บัญชีแอลพีจี 47,444 ล้านบาท ณ วันที่ 29 กันยายน 2567
และวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ฐานะกองทุนน้ำมันติดลบคงเหลือ 90,609 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 43,125 ล้านบาท บัญชีแอลพีจี 47,484 ล้านบาท
พรชัยเน้นย้ำว่า ภารกิจสำคัญปีงบประมาณ 2568 คือ ชำระหนี้เงินกู้ยืมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน และการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก ที่ยังคงมีความผันผวนส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ
รวมทั้งจัดทำแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ปี 2568-72 เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)
รวมทั้งดำเนินการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคนใหม่ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้
พรชัยทิ้งท้ายว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้รับคะแนนประเมินจากทุนหมุนเวียนในปีบัญชี ในเบื้องต้นอยู่ที่ 4.45 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5
ส่วนคะแนนการประเมิน ITA สกนช.ได้รับ 95.96 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100
มากที่สุดในหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน และเป็นที่ 2 ขององค์การมหาชน