บล.ทิสโก้ เชื่อหุ้นไทย ธ.ค. นี้ เด้งรับแรงซื้อกองทุนTESG ชี้ปี 68 เผชิญแรงขายแอลทีเอฟ-นโยบายทรัมป์

บล.ทิสโก้ เชื่อหุ้นไทย ธ.ค. นี้ เด้งรับแรงซื้อกองทุนทีอีเอสจี ชี้ปี 68 เผชิญแรงขายแอลทีเอฟ-นโยบายทรัมป์

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้ตรวจสอบระบบสารสนเทศที่ได้รับการรับรอง (CISA) ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโมเมนตัมเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกเดือนตุลาคมที่ปรับตัวขึ้นสะท้อนอุปสงค์ประเทศคู่ค้าหลักกำลังฟื้นตัวดีกว่าคาด เป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรการกลับมาสต๊อกสินค้าในระยะต่อไป รวมถึงผู้ประกอบการอาจยังเร่งสั่งสินค้าเพื่อตุนเอาไว้ก่อนที่สหรัฐจะเริ่มใช้นโยบายการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้า ทั้งยังคาดว่าจะมีเม็ดเงินกองทุนลดหย่อนภาษีที่จะเข้ามามากที่สุดในเดือนธันวาคมของทุกปี โดย บล.ทิสโก้คาดว่าเฉพาะเม็ดเงินที่จะไหลเข้าหุ้นไทยจากกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ในปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท

“บล.ทิสโก้คาดหวังเงินกองทุนลดหย่อนภาษีซึ่งโดยปกติจะไหลเข้ามากสุดในเดือนธันวาคมของทุกปีจะช่วยผลักดันดัชนีหุ้นไทยส่งท้ายปีนี้ฟื้นตัวขึ้น สำหรับแนวโน้มปีนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินกองทุนลดหย่อนภาษีไหลเข้ามากกว่าปีที่แล้ว หลักๆ จากกองทุน TESG ได้เพิ่มลดหย่อนภาษีจาก 1 แสนบาท เป็น 3 แสนบาท และปรับระยะเวลาการถือครองลดลงจาก 8 ปีเป็น 5 ปี น่าจะช่วยดึงเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น จากการประเมินของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) คาดจะมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุน TESG ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทในช่วงปลายปีนี้ อิงจากโครงสร้างการลงทุนในกองทุน TESG ในปัจจุบันที่เป็นกองทุนหุ้น 61%, ตราสารหนี้ 26% และกองทุนผสม 13% บล.ทิสโก้คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยราว 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท” นายอภิชาติกล่าว

นายอภิชาติกล่าวว่า ในระยะถัดไปจะมีความไม่แน่นอนสูงจากนโยบายการค้าของสหรัฐ ที่อาจกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจโลกโดยต้นปีหน้าต้องจับตาการทำงานของทรัมป์ในช่วง 100 วันแรกหลังรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2568 โดยในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์กล่าวว่าจะเก็บภาษีศุลกากร 25% ของสินค้านำเข้าทุกประเภทจากแคนาดาและเม็กซิโก รวมทั้งจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% เพื่อแก้ปัญหาผู้อพยพและยาเสพติดตามแนวชายแดน สิ่งนี้เริ่มสร้างความกังวลว่าสงครามการค้าอาจมาเร็วขึ้น และปีหน้าจะเป็นปีแรกที่เงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) รวมทั้งสิ้น 2.41 แสนล้านบาทสามารถขายได้ทั้งหมด อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดในช่วงต้นปีหน้าได้ โดยแรงขายเฉลี่ยล่าสุดในปีนี้อยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งระดับหุ้นไทยเฉลี่ยในปี 2562 ที่สามารถขายคืนได้ในปีหน้า 2568 ที่ 1,640 จุดอยู่สูงกว่าระดับหุ้นในปัจจุบันที่ประมาณ 1,430 จุด ทำให้มีผลขาดทุนอยู่พอสมควร ดังนั้น บล.ทิสโก้มองดัชนีระดับปัจจุบันอาจไม่ใช่จังหวะขายที่ดีนักสำหรับผู้ถือกองทุน LTF