ร้านอาหาร โอด เจ๊งระนาว ตื๊อ ปัดฝุ่นคนละครึ่ง พิชัย ถกแผน ปราบนอมินี -ธุรกิจออนไลน์ ผิดกม.

ร้านอาหาร โอด เจ๊งระนาว ตื๊อ ปัดฝุ่นคนละครึ่ง พิชัย ถกแผน ปราบนอมินี -ธุรกิจออนไลน์ ผิดกม.

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายมาร์ค กุดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ว่า ได้หารือถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน รวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำเอฟทีเอไทยกับสหราชอาณาจักรเพื่อขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน สอดคล้องกับนโยบายการเร่งสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย โดย 2 ประเทศได้เน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนร่วมกันผ่านกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า (Joint Economic and Trade Committee: JETCO) ไทย-สหราชอาณาจักร ในระดับรัฐมนตรี เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการดำเนินธุรกิจ อำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน โดยเร่งรัดการดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะภายใต้กรอบการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (Enhanced Trade Partnership: ETP) ผ่านกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจครอบคลุมสาขาที่ 2 ประเทศมีศักยภาพ และทรัพยากรที่ส่งเสริมกัน เช่น การเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม การลงทุน การท่องเที่ยว และสุขภาพ

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 9 ธันวาคม นายพิชัย เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อเร่งออกมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จากผลกระทบธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว หรือนอมินี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมทางออนไลน์

ด้านนายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร กล่าวถึงความคืบหน้าในการยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ออกมาตรการช่วยเหลือผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และประชาชน อยากเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ทันภายในเดือนมกราคม 2568 หวังเป็นอย่างยิ่งว่านายกฯ และรัฐบาล จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่เสนอไปให้ทันการณ์ เพราะประเมินแล้วปีหน้า ภาพรวมเศรษฐกิจคงเหมือนปีนี้ หรือทรุดหนักกว่าเดิมแน่นอน

“ชมรมได้เรียกร้องข้อเสนอต่างๆ ผ่านการทำหนังสือถึงตั้งแต่ต้นปี 2567 ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้จะซึม และทรุดอย่างหนัก โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งติดอันดับธุรกิจที่ปิดตัวมากที่สุด 1 ใน 3 ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาจนจะสิ้นปีแล้ว ทำให้เกิดสภาวะที่เรียกว่าเศรษฐกิจซึม โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารที่ปิดตัวมาอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจัยต้นทุนอาหารสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ น้ำมันพืช ของสด ค่าขนส่ง รวมถึง ค่าไฟฟ้า หนี้สิน หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น” นายสรเทพกล่าว

ADVERTISMENT

นายสรเทพกล่าวต่อว่า ข้อเสนอแนะมี 3 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการการลดหย่อนภาษี โดยให้บุคคลธรรมดาสามารถเก็บใบกำกับภาษีจากร้านอาหารนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 20,000 บาท และบริษัทนิติบุคคลสามารถเก็บใบกำกับภาษี ที่มีการจัดเลี้ยงตามร้านอาหาร นำไปใช้ลดหย่อนภาษีนิติบุคคลได้ไม่เกิน 100,000 บาท ในปีถัดไป 2.อยากให้รัฐบาลเร่งอัดเม็ดเงินเข้าในระบบให้ตรงจุด เพื่อกระตุ้นให้มีเม็ดเงินระบบเศรษฐกิจ ซึ่งอาจดำเนินโครงการคล้ายกับรัฐบาลก่อนหน้า อย่างโครงการคนละครึ่ง หรือโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มร้านอาหาร ตั้งแต่สตรีทฟู้ดขึ้นมาถึงร้านระดับกลาง รวมถึง โรงแรมที่พักต่างๆ และร้านอาหารที่อยู่ต่างจังหวัด และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารประจำวันให้กับประชาชนทั่วไปได้อีกทางด้วย

นายสรเทพกล่าวว่า และ 3.รัฐบาลควรปลดล็อกให้กับกลุ่มธุรกิจร้านอาหารสามารถขายแอลกอฮอล์ได้ในเวลา 14.00-17.00 น. ตามที่เคยเรียกร้องไปในสมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ