ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 600) พ.ศ.2559 เพื่อลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา ดังนี้ 1.เงินได้สุทธิไม่เกินหนึ่งแสนบาท ให้คงจัดเก็บอัตราร้อยละห้า 2.เงินได้สุทธิเฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งแสนบาท แต่ไม่เกินสามแสนบาท ให้จัดเก็บในอัตราลดลงจากร้อยละ10 ให้เหลือร้อยละ 5 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินสามแสนบาท แต่ไม่เกินห้าแสนบาทให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10 3.เงินได้สุทธิเฉพาะส่วนที่เกินห้าแสนบาท แต่ไม่เกินเจ็ดแสนห้าหมื่นบาท ให้จัดเก็บในอัตรา ลดลงจากร้อยละ 20 ให้เหลือร้อยละ15 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินเจ็ดแสนห้าหมื่นบาท แต่ไม่เกินหนึ่งล้านบาทให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 20
4.เงินได้สุทธิเฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งล้านบาท แต่ไม่เกินสองล้านบาท ให้จัดเก็บในอัตราลดลงจากร้อยละ30 ให้เหลือร้อยละ 25 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินสองล้านบาท แต่ไม่เกินสี่ล้านบาท ให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ30 และ5.เงินได้สุทธิส่วนที่เกินสี่ล้านบาท ให้จัดเก็บในอัตราลดลงจากร้อยละ37 ให้เหลือร้อยละ 35
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ โดยที่พระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 576) พ.ศ.2557 ได้มีการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเงินได้สุทธิที่ได้รับในปี 58 แต่เพื่อบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้มีเงินได้ และให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบัน สมควรลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของต่อไปอีก 1 ปี หรือปี 2559 ซึ่งจะมีผลในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2560
