ที่โรงแรมคอนราด นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง EEC : Industry Development for Sustainability ในงานสัมมนา “EEC Strategy : Thailand’s Competitive Transformation” ว่า โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ในพื้นที่จ.ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งมี 5 โครงการที่จะดำเนินการในปีนี้นั้นขณะนี้มีความคืบหน้าและเริ่มเป็นรูปธรรมแล้ว 1 แผน คือ การสร้างเมืองใหม่ในพื้นที่อีอีซี ซึ่งกำลังวางผังเมืองออกมาว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร ในการพัฒนาจะคำนึงถึงเจ้าของพื้นที่ ให้คนในพื้นที่ได้ประโยชน์จากอีอีซี เอาจุดเด่นแต่ละแห่งมาพัฒนาให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วม ให้เกิดชุมชนใหม่ที่ได้มาตรฐานทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม การศึกษา และเศรษฐกิจ โดย พ.ร.บ.อีอีซี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งในกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้จัดตั้งกองทุน อีอีซี เพื่อดูแลประชาชนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การศึกษา เป็นต้น ส่วนวิธีการจัดตั้งกองทุนแหล่งที่มา ขนาดกองทุนต้องดูรายละเอียดต่อไป เบื้องต้นอาจจะจัดเก็บจากค่าธรรมเนียมของผู้ลงทุน
“หลังจาก พ.ร.บ.อีอีซี มีผลบังคับใช้ จะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนได้มาก ว่ามีการทำงานเกิดขึ้นจริง มีกฎหมายรองรับ ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่แสดงความสนในอีอีซี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยาน การแพทย์ครบวงจร เอกชนสะท้อนว่าอยากเห็นโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและพอใจกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากกฎหมายดังกล่าวออกมามีความสำคัญมากๆ ที่จะดึงดูดการลงทุน”นายอุตตมกล่าว และว่า วันนี้อีอีซีได้เดินหน้าแล้ว โดยมีคณะทำงานใหญ่ 2 คณะ คือ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) โดยวันที่ 5 เมษายนนี้ นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่และประชุมร่วมกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อหารือวาระสำคัญ คือ ให้นายกรัฐมนตรีเห็นชอบในแนวคิดอีอีซีและให้รับทราบแผนการดำเนินงาน 5 โครงการที่จะทำในปีนี้
นายอุตตม กล่าวอีกว่า หากทำได้ครบทั้ง 5 โครงการ จะเห็นการลงทุนทั้งหมดใน อีอีซี ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท หรือ 4.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปี โดย 5 โครงการหลักดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ 15 โครงการที่จะพัฒนาในอีอีซี ประกอบด้วย 1.โครงสร้างพื้นฐานพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เชื่อมกับสนามบินหลักของไทยและให้กลายเป็นมหานครการบินภาคตะวันออก 2. โครงการรถไฟความเร็วสูงและรางคู่ 3.ท่าเรือที่จะรองรับทั้งการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว 4.การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ การแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมชีวภาพ เป็นต้น และ 5.การสร้างเมืองใหม่
