ผู้เขียน | ประเสริฐ จารึก |
---|
เจาะคีย์ซักเซส‘โก โฮลเซลล์’
ผ่านปีแรกปักหมุด 10 สาขา
สู่อาณาจักร 7 หมื่นล้าน
ด้วยตลดค้าปลีกและค้าส่งกลุ่มอาหารหรือฟู้ดเซอร์วิส มีมูลค่าใหญ่ถึง 2.6 ล้านล้านบาท จึงทำให้ยังมีช่องว่างให้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเจาะตลาด ช่วงชิงกำลังซื้อ
จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว “โก โฮลเซลล์” (GO Wholesale) หรือศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบด้านอาหาร แบรนด์ใหม่ใต้ลมปีกของ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินการโดย บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566
ด้วยชื่อชั้นของ “เซ็นทรัล รีเทล” ยักษ์ธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย ที่ทั้งทุนหนาและลงทุนหลากหลายธุรกิจ ที่จะเป็น “แต้มต่อ” ของ “โก โฮลเซลล์” ในการต่อกรกับคู่แข่ง จึงทำให้เป็นที่จับจ้อง ถึงแรงกระเพื่อมต่อสนามแข่งขันของฟู้ดเซอร์วิส
ในวันเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ นอกจาก “เซ็นทรัล รีเทล” จะประกาศยุทธศาสตร์ 5 ปี ใช้เม็ดเงินลงทุน 20,000 ล้านบาท ปักธง “โก โฮลเซลล์” ให้ได้ 40-50 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ โดยวางแผนเปิดสาขาให้ครบทุกจังหวัดของประเทศไทย จังหวัดละ 1 สาขาในอนาคต และมีรายได้ 60,000-70,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 แล้ว
ไฮไลต์วันนั้น ยังเปิดตัว “สุชาดา อิทธิจารุกุล” ลูกหม้อเก่า “แม็คโคร” ที่คร่ำหวอดวงการค้าส่งมานานกว่า 27 ปี ที่เซ็นทรัล รีเทล ดึงมาเป็นแม่ทัพเคลื่อนธุรกิจใหม่ที่กำลังปลุกปั้น เพื่อสร้าง New Growth Engine ที่สำคัญของเซ็นทรัล รีเทล
สำหรับ “โก โฮลเซลล์” เซ็นทรัล รีเทล วางหมุดหมายให้เป็น “คิงออฟฟู้ด” ของรีเทลประเทศไทย เป็นศูนย์ค้าส่งสินค้าระบบสมาชิก ในราคาขายส่ง เพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้แนวคิด “Grow with Go” โตเร็ว โตไกล โตไปกับ “GO” โดยชื่อ GO มาจาก G คือ ชื่อแบรนด์ GO หมายถึง ‘การเติบโต’ (Growth) ส่วน O หมายถึง ‘โอกาส’ (Opportunities) นั่นเอง
ยังวางเป้าให้ “โก โฮลเซลล์” เป็นทางเลือกใหม่สำหรับทุกคน (The New Choice for All) ทั้งกลุ่มธุรกิจโฮเรก้า กลุ่มผู้ชื่นชอบการทำอาหาร กลุ่มผู้ให้บริการอาหารในโรงงาน โรงพยาบาลและหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงร้านค้าปลีกขนาดเล็กหรือโชห่วย และธุรกิจเครือเซ็นทรัล รีเทล มีทั้งศูนย์การค้า ร้านอาหาร โรงแรม
หลังประกาศแผน ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566 เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าปักหมุด 4 สาขารวด แต่ละแห่งมีขนาดพื้นที่ 7,000-8,000 ตารางเมตร มีสินค้ากว่า 20,000 รายการ ใช้เงินลงทุนสาขาละ 300-400 ล้านบาท ประเดิม “ศรีนครินทร์” เป็นสาขาแรกของประเทศไทย จากนั้นทยอยเปิดอีก 3 สาขา ได้แก่ เชียงใหม่ อมตะ ชลบุรี และพัทยาใต้
ขณะที่ในปี 2567 เดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องถึง 6 สาขา โดยทุ่มปรับพื้นที่ “ท็อปส์คลับ” เดิม ซึ่งอยู่ด้านหลังศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม2 สู่ “โก โฮลเซลล์ สาขาพระราม 2” ด้วยขนาดพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร เป็นสาขาที่ 5 จากนั้นไม่นานได้ตัดริบบิ้นสาขาอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าสาขารังสิต มีเนื้อที่ 20 ไร่ อยู่ใกล้ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ต่อด้วยสาขารามคำแหง 127
ยังเข้าไปบุกเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลกอย่าง “ภูเก็ต” ถึง 2 สาขา ได้แก่ สาขาราไวย์ และสาขาเมืองภูเก็ต ตรงข้ามตลาดเกษตร รองรับการขยายตัวของเมืองและธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว
ก่อนจะปิดท้ายปี 2567 ด้วยสาขาเจริญราษฎร์ ทำเลศักยภาพกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ระหว่างถนนจันทน์ และพระราม 3 ซึ่งแวดล้อมไปดัวยโครงการที่อยู่อาศัย โรงเรียน ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม เป็นสาขาลำดับที่ 10
จากวันแรกเริ่มเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ที่เปิดสาขาแรก วันนี้ “โก โฮลเซลล์” ค้าปลีกน้องใหม่กำลังย่างเข้าสู่ปีที่สอง
“สุชาดา อิทธิจารุกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ฉายภาพว่า ตั้งแต่เราเปิดตัวสาขาแรก ที่ศรีนครินทร์ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 จนถึงวันนี้ ผ่านมา 1 ปีกับ 2 เดือนกว่า “โก โฮลเซลล์” สามารถขยายสาขาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10 สาขา ซึ่งถือว่าเร็วมาก สำหรับการทำธุรกิจค้าส่งขนาดใหญ่ ปัจจุบันเรามีสาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ ประกอบด้วย ศรีนครินทร์ เชียงใหม่ อมตะชลบุรี พัทยา พระราม 2 รังสิต รามคำแหง ราไวย์ เมืองภูเก็ต และเจริญราษฎร์
กว่า “โก โฮลเซลล์” จะมีวันนี้และก้าวต่อไปนั้น “สุชาดา” เล่าว่า คีย์ซักเซสมาจาก 3 ส่วน อย่างแรก คือ ทีมงานส่วนใหญ่ของโก โฮลเซลล์ ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานในธุรกิจนี้ จึงทำให้เราเผชิญกับความท้าทายในปีที่ผ่านมาอย่างเข้มแข็ง
ทั้งจากการแข่งขันในธุรกิจค้าส่ง ความผันผวนของเศรษฐกิจ เพื่อสร้างธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบอาหารรายใหม่โก โฮลเซลล์ ให้กลายเป็น “ทางเลือกใหม่” และ “จุดหมายใหม่” ของผู้ประกอบการไทย ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร กลุ่มธุรกิจโฮเรก้า ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (โชห่วย)
“โก โฮลเซลล์ อาจยังเป็นรายใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบในการประกอบอาหาร แต่ก็เริ่มเป็น ท็อปออฟมายด์ ไปนั่งในใจของลูกค้าที่คิดถึงธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบอาหารบ้างแล้ว โดยสมาชิกปัจจุบันของเรามีอยู่เกือบ 600,000 รายแล้ว”
อย่างที่สอง คือ ลูกค้าสมาชิก ซึ่งถือเป็นคีย์ซักเซส
สำคัญอีกประการหนึ่ง การทำธุรกิจของเราต้องคิดถึงลูกค้าก่อน ถ้าไม่มีลูกค้าแล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร และต้องทำอย่างไร เพื่อให้เขาเชื่อมั่นและเชื่อใจในการมาเป็นสมาชิกกับเรา ซึ่งระบบสมาชิกควรมีอะไรที่มาก กว่าการขายของ
“เรามุ่งเน้นการเติมเต็มความต้องการให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด โดยการทำวิเคราะห์ วิจัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้ได้ และให้เขาเหล่านั้นเจริญเติบโตไปด้วยกันได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เราได้รับการตอบรับและสนับสนุนจากลูกค้าสมาชิกเป็นอย่างดี”
สุดท้าย คือ ผู้ผลิต ซัพพลายเออร์ เกษตรกร และผู้ผลิตรายย่อย ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ในการร่วมมือกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้บริการลูกค้า ด้วยหลักธรรมาภิบาล ผ่านการพึ่งพา ความเสมอภาค และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราต้องให้ความสำคัญต่อพวกเขา ซึ่งเป็นหลักที่เรายึดถือปฏิบัติตลอดระยะเวลาที่อยู่ในแวดวงธุรกิจค้าส่ง
“เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทำธุรกิจด้วยความโปร่งใส เพราะเราต้องการเติบโตไปด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่มีการกีดกัน และให้ความสำคัญเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ เราอยากให้อยู่ร่วมกันได้ตลอดไป ทั้งซัพพลายเออร์ ลูกค้า ผู้ประกอบการ ไม่ใช่เรารอดอย่างเดียว แต่คนอื่นเสียหาย สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน”
“สุชาดา” ยังย้ำด้วยว่า ธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ไม่ได้อยู่ได้ด้วยการแข่งขันด้าน “ราคา” อย่างเดียว ต้องมี “บริการ” ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าสมาชิก ซึ่งหมายถึงว่าต้องทำการบ้านอย่างหนักในการคุยกับลูกค้าสมาชิก คุยกับซัพพลายเออร์ผู้ผลิตสินค้า และคุยกับเกษตรกรที่ส่งสินค้าให้เรา เพื่อร่วมกันพัฒนา สินค้าและบริการ รวมถึงร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับชุมชนและสังคมโดยรวมไปด้วยกัน
“ก้าวต่อไปนับจากนี้ของโก โฮลเซลล์ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ และการแข่งขันในธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบอาหารที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราทุกคน มีกำลังใจที่เข้มแข็ง และความมุ่งมั่นที่จะร่วมเติบโตไปด้วยกันกับลูกค้าสมาชิกและพันธมิตรทางธุรกิจทุกคน โดยเชื่อว่าธุรกิจอาหารมีขนาดใหญ่พอที่จะมีผู้เล่นมากกว่า 1 ราย ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแค่รายเดียว”
สำหรับแผนลงทุนในปีที่สองของโก โฮลเซลล์ “สุชาดา” กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตามแผนงานและตามเป้าหมาย 5 ปีที่วางไว้ เพื่อสร้างธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบอาหารโก โฮลเซลล์ ให้แข็งแกร่ง มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น พร้อมกับเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจจากปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน ค่าแรง ต้นทุนสินค้า และค่าครองชีพที่สูงขึ้น
โดยในครึ่งแรกของปี 2568 จะลงทุนขยายสาขา จำนวน 3 สาขา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เริ่มจากในวันที่ 17 มกราคมนี้ จะเปิดสาขาอุดรธานี จากนั้นวันที่ 22 มกราคม จะเปิดสาขาขอนแก่น และเดือนกุมภาพันธ์ จะเปิดสาขาหาดใหญ่
“เราไม่หยุดที่จะพัฒนาธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบอาหารของเรา ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายให้ได้ เพราะปัจจุบันพฤติกรรมลูกค้าผู้ประกอบการ หรือลูกค้าทั่วไปเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”
โดยแต่ละพื้นที่ที่ “โก โฮลเซลล์” เข้าไปลงทุนขยายสาขา จะมุ่งเป้าไปที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโดยตรง เน้นเลือกทำเลที่มีศักยภาพ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งมีขนาดพื้นที่ที่เอื้อต่อการเปิดศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค ที่จะรองรับทุกกลุ่มสินค้าบริการที่เราคัดสรรมาแล้วนับ 10,000 รายการ
ไม่ว่าอาหารสด ที่เป็นไฮไลต์ของเราภายใต้การเป็น House of Fresh อาหารแช่แข็งที่หลากหลาย สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้ผู้ประกอบการจากมุม Beverage Solution ตัวช่วยของเจ้าของร้านเครื่องดื่ม คาเฟ่ กิจกรรมเวิร์กช็อปเสริมทักษะอาชีพ และ GOfe’ มุมคาเฟ่ที่เมนูอาหารยอดนิยมอย่าง ไก่ย่าง ซี่โครงหมูบาร์บีคิวและไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการจ้างงานคนในพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม สร้างรายได้และความมั่นคงให้ท้องถิ่น ไม่เพียงเท่านั้นการเป็นธุรกิจค้าส่งในเครือเซ็นทรัล รีเทล และเซ็นทรัลกรุ๊ป ยังทำให้เรามี Power of Network ที่แข็งแกร่งประกอบไปด้วยศูนย์การค้าที่ครอบคลุมใน 100 จังหวัด ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ร้านอาหาร และโรงแรม รวมถึงมี Loyalty Platform “The 1” ที่ครอบคลุมลูกค้ามากกว่า 28 ล้านราย ในการเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าที่ต้องการสะสมหรือใช้แต้มคะแนน ในการซื้อสินค้าที่สาขาของโก โฮลเซลล์
“สุชาดา” ยังสะท้อนมุมมองสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อในปี 2568 ว่า ยังมีแนวโน้มที่เรายังคงเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามมองว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 นี้ น่าจะมีทิศทางที่ดี เนื่องจากได้รับอานิสงส์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐหลายโครงการที่ผลักดันออกมา โดยมีเป้าหมายกระตุ้นการซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต อาทิ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 และเฟส 3 มาตรการ Easy E-Receipt ที่กรมสรรพากรประเมินว่าจะสามารถทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ยังจะได้รับแรงสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มีการคาดการณ์จะเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ที่ 40 ล้านคน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจร้านอาหาร กลุ่มโฮเรก้า และร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ที่เป็นลูกค้าของเราด้วย
แม้จะเป็นน้องใหม่อายุเพียงปีเศษๆ แต่ถือว่า “โก โฮลเซลล์” มาแรงและน่าจับตาไม่น้อย!