เศรษฐกิจซึม ตลาดอสังหาฯทรงตัว แลนด์ ปรับแผนปี’68 เปิดแค่ 4 โครงการ ต่ำสุดรอบ 20 ปี
เมื่อวันที่ 22 มกราคม นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2568 คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะทรงตัว อาจจะได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจ ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 2.9% และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะลดลง โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจ คาดว่าจะมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐและจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น แต่ภาคการส่งออกยังชะลอตัว ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ไม่สูงมากนัก นอกจากนี้ความต้องการซื้อในตลาดสังหาริมทรัพย์ยังได้รับแรงกดดันจากยอดคงค้าง สินเชื่อด้อยคุณภาพ(NPL) ปรับสูงขึ้น และระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งในส่วนของแลนด์ฯเองมีรีเจ็กต์เรตเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% ในทุกกลุ่มระดับราคา ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในปีนี้คือการรักษาสภาพคล่องและความระมัดระวังในการใช้เงินลงทุนในการพัฒนาโครงการ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจปีนี้ยังซึม
นายนพรกล่าวว่า โดยแผนการดำเนินงานปี 2568 เนื่องจากบริษัทยังมีสินค้าคงเหลือขายในระดับที่เพียงพอขายในปีนี้ จึงมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 4 โครงการ มูลค่ารวม 11,180 ล้านบาท ลดลง 64% เมื่อเทียบกับปีก่อน และถือเป็นการเปิดตัวน้อยที่สุดในรอบ 20 ปี โดยโครงการใหม่ทั้งหมดจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 3 โครงการและภูเก็ต 1 โครงการ ประกอบด้วย สีวลี บางนา กม.13 จำนวน 326 หลัง มูลค่า 3,040 ล้านบาท เนื้อที่ 73.2 ไร่ ระดับราคา 8-15 ล้านบาท ,วีเว่ ภูเก็ต จำนวน 36 หลัง มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท เนื้อที่ 20 ไร่ ,วีเว่ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ จำนวน 73 หลัง มูลค่าโครงการ 4,620 ล้านบาท เนื้อที่ 48.3 ไร่และนันทวัน ราชพฤกษ์-พรานนก จำนวน 34 หลัง มูลค่าโครงการ 2,220 ล้านบาท เนื้อที่ 33.2 ไร่ ระดับราคา 30- 80 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสินค้าในระดับกลาง-บนหรือทดแทนโครงการที่ขายหมดในปีที่ผ่านมา
“เมื่อรวมกับโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2568 จะมีทั้งหมด 75 โครงการ มูลค่าประมาณ 93,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 69 โครงการ มูลค่า 79,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ากว่า 13,500 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขาย 23,000 ล้านบาทและยอดโอน 20,000 ล้านบาท ส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าตั้งเป้าหมายไว้ที่ 9,240 ล้านบาท”
นายอาชวิณ อัศวโภคิน รองกรรมการผู้จัดการและผู้บริหารสูงสุดด้านการเงิน เปิดเผยว่า ปีนี้เตรียมงบลงทุนไว้ 8,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสำหรับซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 4,000 ล้านบาทและงบลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า 4,500 ล้านบาท โดยปีนี้เน้นลดหนี้ ระบายสินค้า กระจายการลงทุน โดยเดินหน้าธุรกิจให้เช่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันที่ 1 เมษายนนี้ จะเปิดแกรนด์เซนเตอร์พอยต์ ลุมพินี เป็นมิกซ์ยูส มูลค่า 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วยพื้นที่สำนักงาน 12,700 ตารางเมตร และโรงแรม 512 ห้อง พร้อมพื้นที่จัดเลี้ยงที่มากที่สุด ทำให้ในปีนี้รูมไนท์อยู่ที่ 1 ล้านรูมไนท์ จากนั้นในปี 2569 เปิดแกรนด์เซนเตอร์พอยต์ ราชดำริ2 และแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา3 ในปี 2570 นอกจากนี้มีแผนปรับลดพอร์ตการลงทุนในสหรัฐอเมริการในส่วนของธุรกิจอพาร์ทเมนต์ เนื่องจากได้ยีลด์ค่อนข้างต่ำ แต่ยังคงดูโอกาสลงทุนโรงแรมเพิ่ม เพราะได้ยีลด์ค่อนข้างดี รองรับภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกก็กลับมาฟื้นตัว รวมถึงการท่องเที่ยวของไทยด้วย
“ปีนี้บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้มูลค่า 12,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดและคาดว่าสิ้นปี 2568 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิอยู่ในระดับประมาณ 1.0 เท่า ซึ่งลดลงจากสิ้นปี 2567”นายอาชวินกล่าว