สุริยะ บินญี่ปุ่น ดึงเมือง ‘โยโกฮามา’ ลงนามการท่าเรือฯ ดันไทยสู่ฮับภูมิภาค
เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นำการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างการท่าเรือฯ และเมืองโยโกฮาม่า และประชุมร่วมกับบริษัท โยโกฮาม่า-คาร์โก้-เซ็นเตอร์ (Yokohama-Cargo-Center (YCC)
นายสุริยะ เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent : LOI) ฉบับใหม่ ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเมืองโยโกฮาม่า ซึ่งถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายที่สั่งสมมายาวนาน และ นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญเพื่อยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านการพัฒนากิจการท่าเรือ โครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่หลังท่า ส่งเสริมการตลาด เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมพร้อมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ชุมชนของทั้งสองท่าเรือ เพื่อก้าวเป็นท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน
รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือเชิงวิชาการระหว่างกัน โดยเมืองโยโกฮาม่าจะสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมการศึกษาโครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพและการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญ (Flagship Project) ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และจะสนับสนุนความช่วยเหลือเชิงวิชาการในด้านการพัฒนาท่าเรือไทยให้เป็นท่าเรือสีเขียว ส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อม พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล และการตลาดเชิงรุก เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันในอนาคต
โยโกฮาม่า เป็นหนึ่งในเมืองท่าเรือสำคัญของญี่ปุ่น ได้กลายเป็นแบบอย่างของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ทั้งการขนส่งสินค้าและการเป็นศูนย์กลางชุมชน โดย โครงการพัฒนาพื้นที่หลังท่าของโยโกฮามา เป็นแนวทางที่ดีสำหรับท่าเรือกรุงเทพ โดยเฉพาะในโครงการเชื่อมต่อทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจราจรและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง
มั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการขนส่งในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม พร้อมสนับสนุนและผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งระดับภูมิภาค และร่วมสร้างอนาคตที่ดีของทั้งสองประเทศไปพร้อมกัน
ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือฯ กล่าวว่า การเดินทางมาศึกษาดูงานในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับการท่าเรือฯ ในการแลกเปลี่ยนมุมมองการพัฒนาท่าเรือและสามารถนำมาปรับใช้กับการพัฒนาท่าเรือ รวมทั้งต่อยอดในโครงการต่างๆ ในหลายประเด็น อาทิ
- การพัฒนาท่าเรือให้เป็นเมืองท่าและศูนย์กระจายสินค้า
- การพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่หลังท่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
- การพัฒนาระบบการให้บริการโลจิสติกส์เพื่อลดปัญหาการจราจร
- การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว
