อัคราลุ้นคดีพิพาทยุติกลางปี68 เปิดเหมือง 2 ปี จ่ายค่าภาคหลวงให้รัฐทะลุ 1,000 ล้าน

อัคราลุ้นคดีพิพาทยุติกลางปี68 เปิดเหมือง 2 ปี จ่ายค่าภาคหลวงให้รัฐทะลุ 1,000 ล้าน จับมือพีเอ็มอาร์-ออสสิริสบูมอุตฯทองคำ

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ หัวหน้าผู้จัดการทั่วไป บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้ากระบวนอนุญาโตตุลาการ ระหว่าง บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรี หรือเหมืองทองอัครา และรัฐบาลไทย ตั้งแต่ปี 2560 ว่า แม้จะยังไม่ได้ข้อยุติ โดยถูกเลื่อนการอ่านคำตัดสินเป็นเดือนกันยายน 2568 แต่คาดหวังจะได้ข้อยุติ ความชัดเจนกลางปี 2568 อย่างไรก็ตามธุรกิจของอัครายังเดินหน้าต่อไป โดยได้ใช้งบประมาณกว่า 2,600 ล้านบาทในการยกเครื่องซ่อมแซมเครื่องจักรและโรงประกอบโลหกรรมทั้ง 2 แห่ง รวมถึงอาคารสถานที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในเหมืองจนแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2567 ส่งผลให้สามารถเดินกำลังการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบ

โดยในปี 2567 อัคราผลิตแร่ทองคำได้ประมาณ 50,000 ออนซ์ และแร่เงินกว่า 530,000 ออนซ์ และตั้งเป้าการผลิตทองในปี 2568 ไว้ที่ 80,000 – 90,000 ออนซ์ จากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มเป็น 95,000 – 120,000 ออนซ์ ในอีก 2-3 ปีต่อจากนี้ นอกจากนี้บริษัทยังร่วมกับ บริษัท รีฟายนิ่งโลหะมีค่า จำกัด และบริษัท ออสสิริส จำกัด พัฒนาอุตสาหกรรมทองคำไทยร่วมกันทั้งระบบ

น.ส.ศิวนาถ สอนราช ผู้จัดการฝ่ายงานอนุญาตของอัครา กล่าวว่า ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 22 เดือน นับตั้งแต่มีนาคม 2566 จนถึงมกราคม 2568 อัคราได้ชำระค่าภาคหลวงกว่า 1,00 ล้านบาท โดย 40% ของค่าภาคหลวงแร่จะถูกจัดสรรให้เป็นรายได้รัฐ อีก 50% ถูกจัดสรรให้แก่ชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินการทำเหมือง แบ่งเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ประทานบัตรตั้งอยู่ 20% องค์การบริหารส่วนตำบลที่ประทานบัตรตั้งอยู่ 20% และองค์การบริหารส่วนตำบลภายในจังหวัดอีก 10% และส่วนสุดท้ายอีก 10% ที่เหลือจะถูกจัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศ

ADVERTISMENT

ในส่วนของเงินบำรุงพิเศษ 5% คำนวณจากค่าภาคหลวงแร่ ให้กับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิจัยด้านแร่ ปรับสภาพพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้ว และอัคราจัดสรรเข้า 4 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ กองทุนฟื้นฟูพื้นที่เหมืองแร่ กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ และกองทุนประกันความเสี่ยง นำเงินเข้ากองทุนอัตรา 21% ของค่าภาคหลวงแร่ กำหนดไม่น้อยกว่า 65 ล้านบาทต่อปี แต่อัคราจัดสรร 207 ล้านบาทเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้มาก

ม.ล.ปรมาภรณ์ เทวกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท รีฟายนิ่งโลหะมีค่า จำกัด หรือ พีเอ็มอาร์ ในฐานะผู้สกัดทองคำให้อัครา กล่าวว่า ปัจจุบันพีเอ็มอาร์มีความสามารถสกัดทองคำให้มีความบริสุทธิ์ได้ที่ 99.99% โดยปริมาณแร่ทองคำและเงินที่ได้รับจากอัครา คิดเป็นสัดส่วน 30% ของกำลังการผลิตเท่านั้น ดังนั้น เราจึงพร้อมที่จะรองรับปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นของอัคราในอนาคต ซึ่งทองที่สกัดออกมาที่ค่าความบริสุทธิ์ 99.99% ได้ถูกส่งต่อให้ออสสิริสแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าต่อไป

ADVERTISMENT

นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารงาน บริษัท ออสสิริส จำกัด หรือ ออสสิริส กล่าวว่า ทองที่สกัดจากพีเอ็มอาร์นั้น เรานำไปแปรรูปโดยช่างทองของออสสิริสใส่อัตลักษณ์ความเป็นไทยลงไปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ทองคำของไทยต่อไป โดยการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน ปี 2567 มีมูลค่า 16,924.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 3 คิดเป็นสัดส่วน 6.14% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image