ขุนคลัง ย้ำ อินฟราฟันด์ 3 แสนล.คลอดปีนี้ บี้ 52 รัฐวิสาหกิจเร่งเพิ่มกำไร บูทจีดีพีประเทศ

ขุนคลัง ย้ำ อินฟราฟันด์ 3 แสนล.คลอดปีนี้ ลุยซื้อทรัพย์สินเข้ารัฐ หนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย บี้ 52 รัฐวิสาหกิจ เร่งเพิ่มกำไรบูทจีดีพีประเทศ

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่กระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการะทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดกองทุนโครงสร้างพื้นฐานว่า มั่นใจจะดำเนินการเสร็จทันภายในปีนี้ โดยจะนำมาใช้เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาททุกสายของรัฐบาล ซึ่งขนาดของกองทุนฯ จะมีประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยเบื้องต้นเงินของกองทุนฯ จะเข้าไปซื้อเฉพาะในส่วนทรัพย์สินที่เอกชนลงทุน อาทิ ตั๋วรถไฟฟ้า ค่าบริหารจัดการ ค่าเดินรถ และค่าซ่อมบำรุง แต่จะไม่รวมค่าราง หรือระบบโครงสร้างพื้นที่มาจากการลงทุนของภาครัฐ

“การทำกองทุนฯ นี้อาจต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่การขายขนมครก แต่หลักการของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ จะต้องดูว่านำไปใช้ลงทุนสินทรัพย์อะไร มีราคา มีรายได้เท่าไร และมีเงินหมุนเวียนแค่ไหน ซึ่งในส่วนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ก็จะเข้าไปใช้เฉพาะที่เอกชนลงทุน ซึ่งมั่นใจว่าจะเลี้ยงตัวเองได้ และให้ผลตอบแทนที่มีกำไรในระยะยาว เพราะในอนาคตมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นก็ทำให้รายได้เพิ่มเข้ามา อีกทั้งกองทุนนี้มีระยะเวลายาว 30 ปี ซึ่งในช่วง 8 ปีแรก กองทุนอาจติดลบ แต่หลังจากนั้นอาจเป็นบวก เมื่อมาเฉลี่ยทั้ง 30 ปีก็จะมีกำไรอยู่ จึงมั่นใจกองทุนจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะตอนนี้มีเงิน สภาพคล่องล้นโลก”นายพิชัย กล่าว

ADVERTISMENT

นายพิชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ยังมอบนโยบายให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ 52 แห่ง กว่า 500 คน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนขนาดใหญ่จากเอกชนในอนาคต เพราะรัฐวิสาหกิจถือเป็นกำลังสำคัญ มีสินทรัพย์กว่า 16 ล้านล้านบาท และดูแลโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไฟฟ้าซึ่งมีเพียงพอ โดยจะต้องทำยุทธศาสตร์ขององค์กร ให้รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้องค์กรมีความยั่งยืนตามข้อแนะนำของโออีซีดี

ADVERTISMENT

นายพิชัย กล่าวว่าส่วนการทำรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ยอมรับว่ายังต่ำอยู่ เพราะรัฐวิสาหกิจที่สินทรัพย์ 16 ล้านล้านบาท หนี้สิน 10 ล้านล้านบาท แต่เพิ่งมีกำไร 3.7 แสนล้านบาทต่อปียังถือว่าไม่เยอะ เพราะคิดเป็นกำไร 2% กว่าเท่านั้น เมื่อเทียบกับเอกชนที่ควรจะมีกำไรถึง 6% ขึ้นไป แต่ในความเป็นจริงก็คงให้ทุกหน่วยงานมุ่งเพิ่มกำไรอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะหลายแห่งเป็นกิจการเพื่อสาธารณะประโยชน์สำหรับประเทศ ดังนั้น อาจต้องดูแยกเป็นรายกลุ่มเซ็กเตอร์ว่า กลุ่มไหนมีศักยภาพการทำกำไรก็ต้องเข้าไปดูเฉพาะกลุ่ม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image