เอสซีจี สบช่องเจาะตลาดมะกัน ทดแทนสินค้าจีนโดนทรัมป์2.0 สกัด วอนรัฐช่วยเอสเอ็มอีโดนของถูกถล่ม
เมื่อวันที่ 30 มกราคม นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี เปิดเผยว่า ผลดำเนินการปี 2567 บริษัทมีกำไร 6,342 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 76% มีรายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2% มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) 53,946 ล้านบาท ระดับเดียวกับปี 2566 จากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ บริหารต้นทุนต่อเนื่อง เร่งส่งมอบนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี ในอัตราหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 6,000 บาท คิดเป็น 95% ของกำไร
นายธรรมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมาย EBITDA มากกว่าหรือใกล้เคียงปีนี้ พร้อมลงทุน 30,000-35,000 ล้านบาท เพื่อให้มีส่วนต่างปันผลเพื่อดูแลผู้ถือหุ้น โดยปีนี้เป็นปีแห่งความผันผวนจากผลพวงของนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อการค้าทั่วโลก แต่ในแง่บวกมองว่านโยบายที่ทรัมป์ประกาศเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ส่งผลดีต่อต้นทุนธุรกิจปิโตรเคมีลดลงด้วย เป็นผลดีต่ออัตรากำไร (Margin) ของธุรกิจ ประกอบกับปีนี้การเบิกจ่ายภาครัฐมีความรวดเร็วต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ
“บริษัทยังมองเห็นโอกาสของผูัประกอบการไทยในการเข้าทำการตลาดในประเทศที่จีนค้าขายไม่ได้ เช่น สหรัฐฯ จากนโยบายทรัมป์ 2.0 นอกจากนี้ เอสซีจียังเป็นห่วงธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกของจีนทุ่มตลาด โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ส่วนใหญ่ใช้แรงงานจำนวนมาก หากไม่ปรับตัว ไทยจะสูญเสียฐานการจ้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ของประเทศ ที่สร้างกันมากว่า 10 ปี ไม่เพียงแค่เอสเอ็มอีต้องปรับตัวเท่านั้น ภาครัฐและเอกชนรายใหญ่ต้องร่วมมือกันให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ด้วย แต่ไม่ใช่การช่วยถาวร” นายธรรมศักดิ์กล่าว

นายธรรมศักดิ์ กล่าวถึงปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ว่า ดูแลลดฝุ่นต่อเนื่อง ทั้งกระบวนการผลิต การทำเหมืองปูน และการขนส่งที่มีการติดตามได้ว่าภายในเส้นทางก่อให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง พร้อมปลุกกระแสขอความร่วมมือและช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ดำเนินงานโดยไม่ให้เกิดฝุ่นเชื่อว่าในอุตสาหกรรมก่อสร้างจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) กล่าวว่า เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ได้เร่งลงทุนโครงการ LSP เป็นสัญญาจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทนอีก 1 ล้านตัน/ปี ระยะเวลา 15 ปี วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดการใช้งบได้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมตั้งงบไว้ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้บริษัทจะคุ้มทุนเร็วขึ้น เพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาว โดยจะเช่าเรือขนส่งก๊าซอีเทนระยะยาวอีก 3 ลำ และจะเร่งจัดหารือในส่วนที่เหลืออีก 2 ลำ พร้อมสร้างถังเก็บและปรับปรุงโรงงานให้พร้อมรับก๊าซอีเทนในปี 2570