นฤมล เปิดงาน สัมมนา ‘ไข่ผำ – วานิลลา’ ชี้ เป็นพืชที่สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับเกษตรกรสูงมาก

นฤมล เปิดงาน สัมมนา ‘ไข่ผำ – วานิลลา‘ เครือมติชน ชี้เป็นพืชที่สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับเกษตรกรสูงมาก

เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ อาคารข่าวสด แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เทคโนโลยีชาวบ้าน ในเครือมติชน จัดสัมมนา ‘ไข่ผำ – วานิลลา : เจาะลึกโอกาสธุรกิจพืชเทรนด์ใหม่’ เพื่อสอดรับกับตลาดความต้องการเพิ่มยิ่งขึ้น พร้อมฉายภาพแห่งโอกาส เจาะลึกเทรนด์เศรษฐกิจ สู่พืชแห่งอนาคต ตั้งแต่เวลา 10.30 – 16.30 น. โดยเปิดให้เข้าร่วมงานฟรี

บรรยากาศเวลา 12.30 น. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และ นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เดินทางมาถึง อาคารข่าวสด พร้อม เดินชมบูธจัดแสดงผลิตภัณฑ์อาหารและนวัตกรรม จากเกษตรกร และ ผู้ประกอบการ รวมถึง บูธแนะนำเรียนรู้ฟาร์มไข่ผำต้นแบบ และนวัตกรรมการเลี้ยงผำในระบบปิดแนวตั้ง, ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไข่ผำ

ADVERTISMENT

ต่อมา เวลา 13.00 น. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเปิดงาน และ ปาฐกถาพิเศษ “ทิศทางพืชมูลค่าสูงและโอกาสของเกษตรไทย”

นางนฤมล กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้มาร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนาภาคการเกษตรของไทย ในหัวข้อ “ทิศทางพืชมูลค่าสูงและโอกาสของเกษตรไทย” ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยังเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับพี่น้องเกษตรกร รวมไปถึงทิศทางที่จะต้องเดินไปในอนาคต ที่จะมุ่งมั่นพัฒนาภาคเกษตรให้มั่นคง ยั่งยืน และเต็มไปด้วยโอกาสในการสร้างรายได้ที่สูงขึ้น

ADVERTISMENT

เรื่องของ ‘ไข่ผำ‘ ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พึ่งจะมาทำ แต่จริงๆเราทำมานานแล้ว มีแม้กระทั่งให้ทุนวิจัย โดยทาง สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ก็ให้ได้งบประมาณในการทำการวิจัยศึกษาและโอกาส คุณค่าของ ‘ไข่ผำ‘ ก็พบว่าเป็นพืชที่มีโปรตีนสูง เป็นโปรตีนคุณภาพดีที่จะเป็นประโยชน์ในช่วงที่ชาวโลกอยู่ในเทรนด์ของความมั่นคงทางอาหาร และ โภชนาการก็เป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่ความเพียงพอของอาหารที่มี

นางนฤมล กล่าวว่า ในมิติของสากล ต่างชาติก็เห็นประเทศไทยมีบทบาทนำในเรื่องของภาคการเกษตร และตนเองก็ได้ไปร่วมหลายงานที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีส่วนร่วมเข้าไปพัฒนาและเราก็เป็นแกนกลางของภูมิภาคในด้านการเกษตร

หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า สินค้าเกษตรของไทยส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลกหลายๆตัวด้วยกัน เช่น ยางพาราที่เราส่งออกเป็นอันดับ 1 เรายังมีทุเรียนและลำไยที่ส่งออกเป็นอันดับ 1 และอย่างอื่นๆที่ส่งออกเป็นอันดับ 2 ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวเกษตรกรของเรา และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“ถึงแม้ว่าเราจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เราเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางอาหารเพียงพอต่อประชากร 67 ล้านในประเทศ และ เรายังสามารถมีอาหารเพียงพอส่งออกไปยังชาวโลกเขาด้วย ซึ่งชาวโลกเองเขาก็ชื่นชมเรา”นางนฤมล กล่าว

นางนฤมล กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตนได้เข้าร่วมประชุม world economic forum กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเวทีโลกทางเขาก็มีการกล่าวถึงประเทศไทย ในการให้ความสำคัญกับประเทศไทยในด้านภาคการเกษตร และ ชื่นชมเกษตรกรไทยที่มีการปรับตัว มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการผลิตมากขึ้น

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การพัฒนาด้านภาคการเกษตรเพื่อต่อสู้กับ climate change หรือ ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนนึงมาก๊าซหรือตัวมีเทน ไม่ใช่แค่จากโรงงานอุตสาหกรรม แต่ภาคการเกษตรก็มีส่วนในการสร้างมลพิษหรือ ตัวการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ดังนั้นทางกระทรวงเกษตรฯ ก็มีการทำงานกับองค์กรต่างประเทศ และ มีการส่งเสริมให้เกษตรกรไทยปลูกข้าวแบบคาร์บอนต่ำที่จะสามารถทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ที่ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเอาไว้และบรรลุเป้าหมายตามนโยบาย เศรษฐกิจสีเขียว ด้วย

นางนฤมล กล่าวว่า เทคโนโลยีที่เราใช้ หากย้อนไปพูดถึงเรื่อง ‘ข้าว‘ เราใช้เทคโนโลยี การทำนาข้าวแบบเปียกสลับแห้ง (AWD : Alternate Wetting and Drying) ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้สามารถลดการใช้น้ำในการเพาะปลูกได้ถึง 50% และสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซที่นำไปสู่ภาวะเรือนกระจกได้ ซึ่งบางพื้นที่สามารถลดได้ถึง 40-50% สิ่งที่สำคัญคือ เป้าหมายที่อยากจะทำให้เกิดขึ้น นอกจากจะทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นด้วย ให้กับพี่น้องชาวเกษตรกร สิ่งที่เราทำต่อยอดคือการทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการรับซื้อ ข้าวจากชาวนา และสร้างแรงจูงใจ ให้กับชาวนาเข้าร่วมโครงการ การปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ มากขึ้น เนื่องจากต้นทุนจะสูงขึ้นดังนั้น เอกชนจะต้องให้ราคาข้าวคาร์บอนต่ำที่สูงขึ้น 5%

นอกจากนี้ นางนฤมล เผยว่า เวลาเราพูดถึงพืชเศรษฐกิจ หลายคนจะคุ้นเคยกับ พืชชนิด ข้าว อ้อย มัน ปาล์ม ยางพารา แต่จริงๆแล้วพืชเศรษฐกิจมีมากกว่านั้น ทางกระทรวงเกษตรฯ พยายามจะผลักดัน ’เกษตรมูลค่าสูง’ ที่บรรจุไว้ในแผนงบประมาณ และเราจะมีทั้งหมด 14 พืชด้วยกันที่เป็นพืชมูลค่าสูง และ ในปี 2568 นี้ ไข่ผำเอง ทางกระทรวงเกษตรฯก็อยากจะผลักดัน แต่พืชที่เป็น แชมเปี้ยนที่อยากจะผลักดันมากที่สุด ก็ต้องอิงความต้องการของตลาดสูงก่อน เช่น กาแฟ โกโก้ ถั่วเหลือง ซึ่งเป็น 3 ใน 14 พืชที่จะเร่งผลักดัน

นอกจากนี้ นางนฤมล กล่าวว่า เรายังให้ความสำคัญกับพืชที่เป็นโอกาส อย่าง ‘ไข่ผำ’ ที่เรียกว่าเป็นไปตามเทรนด์ พืชที่ให้คุณค่าทางโปรตีนสูงและ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด การที่เครือมติชนจัดงานนี้ขึ้นมา จะทำให้การเผยแพร่ ’ไข่ผำ’ไปสู่วงกว้างมากขึ้น จากที่ตนไปคุยกะคนใกล้ตัวมา ก็ไม่ค่อยมีใครรู้จักทั้งๆที่เป็นของที่มีคุณค่าสูง และ ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนให้กับพี่น้องเกษตรกรได้สูงมาก จะทำเสริมก็ได้ จากพืชหลักที่มีก็ได้

“ดังนั้น ‘ไข่ผำ‘ จะเป็นหนึ่งในพืชที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนต่อยอดไปไม่ว่าจะเป็นการออกมาตรฐานและการประชุมสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) พึ่งจะมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติของฟาร์มที่เพาะเลี้ยงไข่ผำ” นางนฤมล กล่าว

นางนฤมล กล่าวว่า ฟาร์มที่เพาะเลี้ยงไข่ผำ จะต้องแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม 1.เพื่อการบริโภค 2.เพื่อนำไปเป็นอาหารสัตว์ ซึ่งก็จะมีคุณค่าทางอาหารและประโยชน์สูงกับสัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกัน และทางฝั่งกรมปศุสัตว์ก็ให้ ความสนใจ ซึ่งทางกรมวิชาการเกษตร ก็ให้ความสำคัญและส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) ด้วยก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นไปอีก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสของพี่น้องชาวเกษตรกร

นอกจากนี้ นางนฤมล เผยว่า ทางกระทรวงเกษตรฯ ก็จะสนับสนุน เกษตรยั่งยืนให้เกิดขึ้นด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การทำงานร่วมกับภาคเอกชน ที่ผ่านมาเราดูแลแต่ผู้ผลิต ส่วนมากจะวนเวียนอยู่กับการพัฒนาคุณภาพดิน เน้นผลผลิตที่ดีขึ้น แต่พอเวลาถึงตอนขาย เรากลับไม่ได้ดูส่วนนี้ ซึ่งในปี 2568 ทางกระทรวงเกษตรฯ จะเริ่มทำการขายสินค้าไปยังต่างประเทศแบบเชิงรุกมากขึ้น ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เราจะดูแลผู้ผลิต เทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไปทำให้การขายเปลี่ยนไปมากขึ้น โดยตอนนี้ เกษตรกรก็สามารถขายสินค้าเกษตรไปยังผู้บริโภคโดยตรงได้ และเกิดขึ้นแล้วในหลายๆพืชเช่น ทุเรียน

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของแหล่งเงินทุน ที่จะช่วยพี่น้องชาวเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับ ธนาคารของรัฐ และทาง สภาเศรษฐกิจโลก ก็สนใจที่จะมาตั้งศูนย์ในประเทศไทย และเน้นเรื่องของอาหารและภาคการเกษตร ซึ่งก็จะนำผู้แทนที่ซื้อสินค้าทางภาคการเกษตร มาผลักดัน ภาคเกษตรไทยให้ยั่งยืนและมั่นคงยั่งขึ้น ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หวังว่าพี่น้องชาวเกษตรกรจะมีแหล่งเงินทุนที่ดีขึ้น และมีรายได้ที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ นางนฤมล กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากทุกฝ่าย แม้กระทั่งสื่อมวลชน และภาคเอกชน และหวังว่างานครั้งนี้ ทุกท่านจะได้รับแนวคิด ไอเดียการเปิดฟาร์ม ไข่ผำ หรือไปปลูกวนิลลากัน

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเดินทางเข้าร่วมรับฟังเวทีเสวนา และเยี่ยมชมกิจกรรมภายในงานได้ในวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 10.30 – 16.30 น. ณ อาคารข่าวสด ถนนเทศบาลนิมิตใต้ หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1, แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีวัดเสมียนนารี หรือติดตามไลฟ์ คอนเทนต์จากงานได้ทุกช่องทางของ ‘เทคโนโลยีชาวบ้าน’ และสื่อในเครือมติชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image