พีรพันธ์ ชี้ เกษตรมูลค่าสูง ต้องรู้จักพื้นที่ใช้เทคโนโลยี ยก แพลนต์ เบส ฟู้ด เทรนด์อาหารในอนาคต

“พีรพันธ์” กรมส่งเสริมการเกษตรชี้ ก้าวไปสู่ เกษตรมูลค่าสูง ต้องรู้จักพื้นที่และนำเทคโนโลยีมาใช้ เทรนด์อาหารในอนาคต คือ “แพลนต์ เบส ฟู้ด”

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 31 มกราคม ณ ห้องประชุมอาคารหนังสือพิมพ์ข่าวสด เทคโนโลยีชาวบ้าน จัดงาน“ไข่ผำ-วนิลลา:เจาะลึกโอกาสธุรกิจพืชเทรนใหม่” โดย นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมเสวนา Special Talk : “Renewable ปรับเกษตรไทย สู่เกษตรมูลค่าสูง” ว่า ระบบการค้าโลกปัจจุบัน และทิศทางในอนาคต เป็นเรื่องของมาตรฐานสินค้าเกษตร ทั้งเรื่องสุขอนามัยพืช สารตกค้าง แปลว่า ผู้บริโภคไม่ใช่แค่คนไทย แต่คนทั้งโลก กำลังจะถามว่าการจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีต่อสุขภาพ เขาพร้อมจะจ่าย แล้วสินค้าของคุณตอบโจทย์ได้ไหม ความท้าทายต่อมาคือ สินค้าของเราปล่อยคาร์บอนเท่าไหร่ ใช้น้ำเยอะไหม ระบบการค้าโลกที่จะเปลี่ยนไปแบบนี้

อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือ เรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) อยากจะชวนคิดว่า มันไม่ใช่คำแฟชั่น แต่เป็นเรื่องจริงจังที่ต้องคิดตาม เราเจอระเบิดฝน หรือ Rain Bomb ในภาคเหนือ และภาคใต้ แล้วอยู่ดีๆก็อากาศหนาวอย่างต่อเนื่อง จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเจออากาศหนาว คำถามคือ สิ่งที่เกิดขึ้นคือแค่ภัยพิบัติใช่ไหม คำตอบคือไม่ใช่ มันส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต อุณหภูมิที่สูงขึ้น หรือ ลดลงหนาวมากขึ้น มีผลต่อพืช การออกดอกออกผลทุกแบบ อาทิ ลำไยในภาคเหนือ ดังนั้น climate change คือ สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เกษตรทุกคนต้องทำความเข้าใจว่า จะปลูกพืชแบบเดิมให้ได้ผลดีเหมือนเดิมต้องทำอย่างไร เพราะอากาศที่เปลี่ยนไปคนเองก็ ถ้าร้อนก็ติดแอร์ หนาวก็หาเสื้อหนาๆมาใส่ แล้วพืชล่ะทำอย่างไร นั้นคือความท้าทายที่จะรับรู้และเตรียมตัว

ส่วนสินค้าเกษตรมูลค่าสูง นั้นสามารถแบ่งได้ 3-4 อย่าง โดยหลักการคือ การเปลี่ยน อาหารไปทำหน้าที่อย่างอื่น เช่น กล้วย ก็ขายเป็นหวี เปลี่ยนเป็นขายเป็นลูก หรือ นำกล้วยไปทำขนมกล้วย ก็เพิ่มมูลค่าขึ้นระดับหนึ่ง แต่ยังเป็นอาหารทั่วๆไป แต้ถ้าจะยกระดับมูลค่าไปอีกราคานึง เพิ่มราคาอีก 30-40% คือต้องเปลี่ยนจากอาหารไปเป็นพลังงาน อาทิ อ้อย นำไปผลิต เอทานอล และยกไปอีกระดับ คือการเปลี่ยนจากอ้อยไปสู่ ภาชนะชานอ้อย ใช้แทนโฟม พลาสติก หรือ จะยกไปอีกราคาคือ การแปรรูปพืชไปสู่เครื่องสำอาง หรืออาหารเพื่อสุขภาพ หรือยกระดับไปสู่ การแปรรูปสินค้าเกษตรไปสู่ยารักษาโลก ซึ่งเป็นการยกระดับที่สูงสุดของพืชในทุกวันนี้ แต่ก็มางานวิจัยใหม่ๆระบุว่า ชิป ของคอมพิวเตอร์ บางอย่างเริ่มหันมาใช้วัตถุชีวภาพ (ไบโอ) แล้ว ดังนั้นแปลว่าสินค้าเกษตรไปอยู่ในคอมพิวเตอร์แล้ว ซึ่งถ้าถึงวันนั้นราคาสินค้าเกษตรจะมีมูลค่าเพิ่มไปมากเท่าไหร่ ทั้งหมดนี้คือ สินค้าเกษตรมูลค่าสูง

ADVERTISMENT

คำถามต่อไป คือ เกษตรกรต้องปรับเปลี่ยน เตรียมพร้อมอย่างไรนั่น ต้องอย่าลืม สินค้าที่เพิ่มมูลค่าเพิ่มขึ้นไปสูงๆ คือ เรื่องของเครื่องสำอาง และยา ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคน เพราะฉะนั้นถ้าจะนำ มันสำปะหลัง หรือ อ้อยไปเป็นเครื่องสำอาง และ ยา จะต้องมีสารปนเปื้อนน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย ดังนั้นแปลว่าจะ พืชอย่างไร ไม่ให้มีการปลูกเป็นของสารต่างๆ

ADVERTISMENT

ต่อมา อีกชั้นนึงก็คือตัวอย่างเช่น จะเปลี่ยนไข่ผำ เป็นโปรตีน อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เวย์โปรตีนนั้น จะต้องผ่าน กระบวนการเข้าห้องแล็ม ซึ่ง ห้องแล็บตามมาตรฐาน ISO14000 จะต้องเตรียมตัวอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ พี่น้องเกษตรกรแล้วต้องเตรียมตัวเรื่องนี้ หากอยากยกระดับตนเองมากกว่าการทำวนิลลาเป็นไอศกรีม คือต้องทำสารสกัดกลิ่นวนิลลา ที่ได้มาตรฐาน ส่งออกไปต่างประเทศ เป็นต้นยุโรป ทั้งหมดนี้คือความท้าทาย

ส่วนเรื่องรายได้เกษตรกรนั้น รายได้ของเกษตรกรมาจากสินค้าของเราเอง พี่น้องเกษตรต้องคิดว่า สินค้าที่เราปลูกมีผลผลิตออกทุกวันหรือไม่ ถ้าออกทุกวันก็แสดงให้เห็นว่าเรามีรายได้ทุกวัน เราต้องวางแผนก่อนว่า ถ้าเราอยากจะมีรายได้ทุกวัน ต้องปลูกอะไร สินค้าเกษตรบางอย่างออกเป็นฤดูกาล หรือพืชไร่ ที่ใช้เวลา อาทิ ข้าวโพด 4เดือนได้ผลผลิตหนึ่งครั้ง มันสำปะหลัง 10 เดือนออกผลผลิต เพราะฉะนั้นต้องวางแผนผลผลิตให้มีความหลากหลาย มีรายได้ต่อเนื่อง อีกส่วนคือการผลิตที่มีความแม่นยำสูง หรือ การเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) คือ ผลผลิตจะต้องมีมาตรฐานค่าที่วัดได้ตามเกณฑ์ เช่น ไข่ผำ ต้องมีโปรตีน 40% ระดับกลิ่นของวนิลลา เป็นต้น คำถามคือ เราสามารถปลูกและเลี้ยงให้ได้แบบนี้ทุกล็อตหรือไม่ ทำให้การเกษตรแบบแม่นยำ มีความสำคัญในอนาคต และยังช่วยในเรื่องการประหยัดต้นทุน ลดการสูญเสียทรัพยากร ซึ่งเป็นความยั่งยืน ถ้าอยากได้รายได้ที่มั่นคงก็ต้องทำให้ได้

หากมองไปในตัวสินค้าเกษตรนั้น ต้องดูว่าด้วยตัวมันนั้น สามารถเปลี่ยนไปได้ไกลแค่ไหน หมายถึงเปลี่ยนหน้าที่ ตอนนี้สิ่งที่ไปได้ท้ายสุดคือ ยา ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก เพราะ ฉะนั้นต้องดูว่าพืชแต่ละอย่างมีสารสกัดสำคัญ อะไรอยู่ในตัว เช่น พริก ถ้านำไปทำอาหาร ผัดกะเพรา ก็ราคา 50 บาท 100 บาท แต่ถ้านำพริก ไปสกัดให้ได้ แคปไซซิน (Capsaicin) นำไปทำยาทาแก้ปวดเมื่อย ที่ทุกวันนี้เห็นตามร้านขายยา ราคาก็หลอดละหลายร้อย

“เพราะฉะนั้นต้อง รู้จักตัวโปรดักส์ และเลือก ให้เหมาะกับภูมิสังคม หมายถึงท่าน อยู่โซนไหนของประเทศไทย ความร้อน อากาศ ความสูงเป็นอย่างไร อย่างกาแฟอาราบิก้า ถ้าอยู่ ในพื้นที่ต่ำกว่า1,000 ม.จากระดับน้ำทะเล ถามว่าปลุกได้ไหมก็ได้ แต่จะให้ได้ผลที่รสชาติใช้ได้ ยังไงก็ต้องอยู่สูงกว่า1,000 ม.จากระดับน้ำทะเล ต้องศึกษาบ้านหรือพื้นที่ให้ดี เพื่อเลือกปลูกได้เหมาะสม”

ต่อมาคือเอาเทคโนโลยีไปใส่ เรียกว่า การ ทำการเกษตรแบบแม่นยำ ทุกวันนี้มีเทคโนโลยี
4 กลุ่ม คือ 1.ช่วยลดการสูญเสีย คำนวณการใช้เมล็ด การคัดเลือกสารพันธ์ให้ได้ผลผลิตเท่ากัน
รสชาติดีทุกผล 2.เพื่อรีดศักยภาพ เช่น ข้าว ที่จริงๆแล้วควรได้ 1 ตันต่อไร่ แต่ทุกวันนี้เหลือ 400 กม.ต่อไร่ ก็ต้องหาเทคโนโลยีมาช่วยให้ได้ตามศักยภาพของห้องทดลอง 3. การยกระดับสมรรถนะ ปรับปรุงพันธุ์ เช่น การพัฒนาพันธุ์ไข่ผำ ให้ทีโปรตีน 50-60% เป็นต้น และ 4.เพื่อการเปลี่ยนหน้าที่ หรือ ฟังก์ชัน คือเปลี่ยนจากพืชที่เป็นอาหาร ให้เป็น เครื่องสำอางและยา หรือการสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ขึ้นมาใหม่จากพืชต่างๆ นอกจากนี้ ถ้าเรา ยังเป็นเกษตรกรตัวเลยการจะไปลงทุนทำโรงงานหรือแล็บมาตรฐานมันกผ้ต้นทุนสูง ก็อาจจะต้องพึ่งพาเพื่อน จ้างผลิตกับบริษัทรับจ้าง OEM ที่ได้มาตรฐาน ก็ ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในผู้บริโภค

สำหรับเทรนด์ในอนาคตอาหารนั้น จากสังคมผู้สูงอายุ การกินแป้งและน้ำตาลเยอะ ดังนั้นอาหารในอนาคตคือ แพลนต์ เบส ฟู้ด (Plant based food) อาหารที่มาจากพืช ซึ่งกว้างกว่า คำว่า มังสวิรัติ เช่นข้าวขาว คาร์โบไฮเดรตสูง ก็หันไปข้าวกล้อง จากเนื้อสัตว์ ก็หันไปหาพืชโปรตีนสูง ไข่ผำ เป็นต้น

ดังนั้น แพลนต์ เบส ฟู้ด การให้รับประทานพืช ให้แทนสารอาหารทุกหมู่ที่ร่างกายต้องการ เพราะฉะนั้น อะไรก็ตามที่ทดแทนสารอาหารเหล่านี้ได้ก็ดำเนินการปลูกได้ แต่ก็ต้องตอบให้ได้ราคาก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image