พ่อเมืองเชียงใหม่เร่งเครื่องท่องเที่ยว ปี 68 ตั้งเป้า 16 ล้านคน เงินสะพัด 1.6 แสนล้านบาท

พ่อเมืองเชียงใหม่เร่งเครื่องท่องเที่ยว ปี 68 ตั้งเป้า 16 ล้านคน เงินสะพัด 1.6 แสนล้านบาท

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวรวมืั้งไทยและต่างชาติกลับมาเติบโตได้เท่าก่อนเกิดโควิด-19 ปี 2562 แล้ว ประมาณ 12 ล้านคน โดยเป้าหมายปี 2568 นี้ จะพยายามทำให้สูงกว่าก่อนโควิด แต่อาจไม่ได้มากนักในแง่จำนวน เนื่องจากความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของเชียงใหม่ก็จะอยู่ประมาณนี้ ซึ่งตั้งเป้าไว้อยู่ที่ 16 ล้านคน โดยจะใช้กลยุทธ์ในการสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นผ่านการดันจำนวนวันพักเฉลี่ย จากเดิมค่าเฉลี่ยไม่เกิน 3 วัน จะยืดเป็น 4 วันหรือมากกว่านั้น จากเดิมเคยใช้จ่ายไม่เกิน 1,500 บาท ก็นำเสนอสินค้าที่น่าสนใจมากขึ้น เพื่อดันใช้จ่ายเพิ่มเป็นวันละ 2,000 บาท ซึ่งจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้เชียงใหม่เพิ่มจาก 1.2 แสนล้านบาท เป็น 1.6 แสนล้านบาทในปี 2568 นี้

“การท่องเที่ยวเชียงใหม่ จะทำให้มีช่องว่างระหว่างช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) และนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) ไม่ต่างกันมากเหมือนที่ผ่านมา โดยทำช่วงไฮซีซั่นให้ยาวขึ้น ไม่ใช่มาเที่ยวเพียงครึ่งหลังของเดือนธันวาคมจนถึงต้นเดือนมกราคมเท่านั้น เท่ากับจะมีไฮซีซั่นเพียง 1 เดือน ที่เหลืออีก 11 เดือนจะทำอย่างไร จึงพยายามทำให้มีไฮซีซันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนทั้งเดือน จนถึงกุมภาพันธ์ทั้งเดือน ทำ 4 เดือนนี้ให้เป็นไฮซีซัน ซึ่งจะมีทั้งการจัดอีเวนต์ดึงนักท่องเที่ยวต่อเนื่องทั้งปี สร้างความมั่นใจการท่องเที่ยวทุกด้าน โดยเฉพาะความปลอดภัย ที่วัฒนธรรมล้านนาจะไม่ทำร้ายนักท่องเที่ยว แต่เราก็จะมีการจับตาคนย้ายถิ่นเข้ามาในเชียงใหม่ คิดเป็นสัดส่วน 45% เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อน ไม่ให้เกิดมาเฟียในพื้นที่ โดยฝ่ายปกครองและตำรวจเข้าใจตรงกันว่าจะสกัด ปราบปรามไม่ให้เกิดในเชียงใหม่เหมือนในเมืองท่องเที่ยวหลักอื่นๆ เพราะหากเกิดขึ้นแล้วจะแก้ได้ยาก” นายนิรัตน์ กล่าว

นายนิรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันเชียงใหม่มีตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ทั้งตะวันออกกลาง อินเดีย จีน สหรัฐอเมริกา เพราะมีการเปิดบินตรงเข้าเชียงใหม่มากขึ้น อาทิ สายการบินเอทิฮัด สายการบินอินดิโก้ ทำให้เชียงใหม่จะมีตลาดใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ได้ไปแบกน้ำหนักอยู่ที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน ขณะเที่ยวบินตรงจากเอเชียตะวันออกก็มีอยู่แล้วมีทุกเมือง อาทิ จีน 7 เมือง เกาหลี ญี่ปุ่น บินทุกวัน ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกามาเที่ยวเชียงใหม่อยู่แล้ว และเพิ่มขึ้นมาก แต่ต้องบินผ่านญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เพราะไม่มีบินตรงไทยไปต่อเครื่องที่ญี่ปุ่น และการเปิดสนามบินเชียงใหม่ 24 ชั่วโมง ก็ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเพราะทำให้เกิดการเชื่อมโยงเส้นทางบินระหว่างประเทศได้สะดวก โดยสนามบินเชียงใหม่ สามารถรับผู้โดยสารได้วันละ 3 หมื่นคน ขณะที่เดือนมกราคม 2568 มีเข้ามาเกือบ 3.4 หมื่นคนต่อวันเฉพาะที่เดินทางผ่านสนามบินเชียงใหม่ ยังไม่รวมการเดินทางทางรถที่มากกว่านี้ 10 เท่า ซึ่งศักยภาพของสนามบินรองรับผู้โดยสารได้เท่านี้ จนกว่าแผนขยายสนามบินเชียงใหม่ของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะดำเนินการแล้วเสร็จ

นายนิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเชียงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกมากขึ้น จะเป็นการขยายถนน 4 เลนไปถึงแหล่งท่องเที่ยวรอบเมือง อาทิ น้ำพุร้อนสันกำแพง ซึ่งจะมีการปรับปรุงน้ำพุร้อนสันกำแพง ที่ได้รับงบจากกรมการท่องเที่ยว ประมาณ 200-300 ล้านบาท จะทำการปรับปรุงอาคารให้ทันสมัย ทำออนเซ็นให้ตอบโจทย์สายสุขภาพ ใช้เวลา 2 ปีจะแล้วเสร็จ สร้างภาพลักษณ์ใหม่เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการ รวมถึงการขยายสนามบินเชียงใหม่ จะดำเนินการในปี 2568 จากวันนี้รับได้ 8.5 ล้านคน จะขยายเป็น 20 ล้านคนต่อปี จาก 3.4 หมื่นคนต่อวัน รับมา 5-6 หมื่นคนต่อวัน ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับเชียงใหม่ ขณะเดียวกันเชียงใหม่มีจุดขายอยู่ในทุกอำเภอ เราพัฒนาระบบโลจิสติกส์เชื่อมต่อให้ดีในการนำคนไปยังอำเภอต่างๆ และจังหวัดใกล้เคียง แม่ฮ่องสอน ไปต่อ ลำพูน ลำปาง จึงจะเห็นว่าคนในเมืองจึงไม่เคยล้นเชียงใหม่ เพื่อลดปริมาณคนเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ให้ผ่านเมืองเชียงใหม่ออกไปท่องเที่ยวกระจายตัวได้มากขึ้น

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image