เอาจริง! ธปท.ผนึกดีอี ไล่บี้ 10 แอพพ์เงินกู้ผิดกฎหมาย พร้อมปิดใช้งานทันที
นางสาวพีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครอง และตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ตรวจสอบกูเกิล เพลย์สโตร์ (Google Play) หรือแพลตฟอร์มสำหรับดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟน ประเภทแอนดรอยด์ พบว่ามี 11 แอพพลิเคชั่นที่เข้าข่ายให้บริการด้านเงินกู้ผิดกฎหมายนั้น ในวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์ 2568 ธปท.เตรียมส่งข้อมูล 11 แอพพลิเคชั่น ที่กระทรวงดีอี ส่งให้ ธปท.ตรวจสอบ ซึ่งพบว่า 10 แอพพลิเคชั่น ที่ผิดกฎหมาย และมี 1 แอพพลิเคชั่น ดำเนินการถูกกฎหมาย โดยจะระบุรายละเอียดความผิดที่ขัดต่อข้อบังคับของแบงก์ชาติให้กระทรวงดีอีดำเนินการต่อไป
นางสาวพีรจิต กล่าวว่า ธปท. ได้เจรจาร่วมกับกระทรวงดีอี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในเรื่องการปิดการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเหล่านั้น โดยกระทรวงดีอีระบุว่าหากต้องการปิดแอพพลิเคชั่น ต้องให้เจ้าหน้าที่ของ ธปท.เป็นผู้ส่งเรื่อง พร้อมกับข้อความทางกฎหมายถึงสาเหตุที่ต้องการปิดแอพพลิเคชั่นดังกล่าว จากนั้นจะส่งเรื่องกลับไปที่กระทรวงดีอีให้ดำเนินการปิดแอพพลิเคชั่น ที่ผิดกฎหมายให้แล้วเสร็จ
นางสาวพีรจิต กล่าวว่า การดำเนินการกับแอพพ์ ที่ผิดกฎหมายมี 2 ขั้นตอน คือ 1.การปิดแอพพลิเคชั่น และนำแอพพลิเคชั่น ออกจากแพลตฟอร์ม และ 2.การเอาผิดแอพพลิเคชั่น โดย ธปท.ได้หารือกับตำรวจ ซึ่งก็มีแอพพลิเคชั่นที่ตำรวจต้องการเอาผิดด้วย ซึ่งหาก ธปท.ส่งเรื่องไปให้ปิดแอพพลิเคชั่นเลย ตำรวจอาจขาดหลักฐานเอาผิดได้ เพราะเมื่อนำแอพพลิเคชั่นออกจากแพลตฟอร์มจะไม่สามารถเก็บข้อมูลได้เลย โดยการเปิดให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับของ ธปท. หากต้องการประกอบกิจการดังกล่าวต้องส่งเรื่องเข้าที่ ธปท.พิจารณาเสร็จแล้วจะส่งเรื่องไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาออกใบอนุญาต (ไลเซนส์) จากนั้นจะส่งเรื่องกลับมาที่ ธปท.ให้ไปแจ้งผู้ขอใบอนุญาตต่อไป
“จริงๆ ธปท.ต้องการนำแอพพลิเคชั่นที่พบว่าทำผิดกฎหมายลงจากแพลตฟอร์มก่อน ป้องกันการหลอกลวงประชาชน แต่อาจขัดต่อการดำเนินงานของตำรวจ หากประชาชนที่ใช้บริการไปแล้วเกิดความเสียหายให้แจ้งความที่สถานีตำรวจ หรือ ธปท.ได้เลย สำหรับการดำเนินคดีทางกฎหมายจะสามารถทำได้ก็เมื่อมีผู้เสียหายจากการให้บริการแอพพลิเคชั่นดังกล่าว โดยยืนยันว่า ธปท.ไม่ได้นิ่งเฉย แต่ ธปท.ยังไม่พบว่ามีผู้ให้บริการได้ให้สินเชื่อจริง ซึ่ง ธปท.จะนำแอพพลิเคชั่นลงได้เมื่อพบว่าแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ให้บริการผิดกฎหมายจริง อาทิ การคิดดอกเบี้ยเกินความเป็นจริง” นางสาวพีรจิต กล่าว
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กล่าวว่า หลังจากกระทรวงดีอีได้รับข้อมูลตรวจสอบทั้งหมดที่ส่งกลับมาจาก ธปท.แล้ว กระทรวงดีอีจะส่งข้อมูลทั้งหมดไปที่แพลตฟอร์มให้ดำเนินการถอนการติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่ผิดกฎหมายทันที ขณะเดียวกัน ส่วนที่พบว่ามีผู้เสียหายจากการใช้บริการแอพพลิเคชั่นดังกล่าว กระทรวงดีอีจะส่งข้อมูลที่ได้รับจาก ธปท. รวมถึงข้อมูลของตำรวจที่เก็บหลักฐานของผู้เสียหายไว้ทั้งหมด รบรวมส่งให้ศาลพิจารณาคดี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เอาผิดกับผู้ให้บริการต่อไป