‘ปีกทอง’ซีอีโอโออาร์ ปักธงมาร์เก็ตแชร์คัมแบ๊ก 38% – ดันไทยออยล์ฮับภูมิภาค

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด หรือโออาร์ (OR) จัดงานเปิดตัว ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอป้ายแดง หลังเข้ารับตำแหน่งเดือนพฤศจิกายน 2567

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยวิสัยทัศน์ครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่ง CEO คนใหม่ ว่า พร้อมสานต่อวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน”

พร้อมเน้นย้ำถึงการต่อยอดนโยบาย OR SDG ที่มุ่งสร้างสมดุลในทุกมิติ ทั้งด้าน S: Small การสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย ด้าน D: Diversified การลงทุนในธุรกิจที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของ OR และด้าน G: Green การดูแลสิ่งแวดล้อม

หลังจากที่ผ่านมา OR ได้มีการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนผ่านโครงการไทยเด็ด การสนับสนุนผู้เปราะบางทางสังคมผ่าน Café Amazon for Chance รวมถึงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ PTT Station ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050

ADVERTISMENT

โดย OR จะขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการมุ่งเน้นการใช้ Digitalization & Innovation เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ ซึ่ง OR ถือเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำระบบ SAP S/4 HANA มาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและค้าปลีก พร้อมพัฒนา Control Tower Dashboard เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและตัดสินใจทางธุรกิจ

ADVERTISMENT

พร้อมมุ่งเสริมความเข้มแข็งใน 3 พันธกิจสำคัญ ได้แก่ Seamless Mobility มุ่งเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาสู่พลังงานทางเลือก เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้กลยุทธ์ Thailand Mobility Partner ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based)

ด้าน All Lifestyles มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูงซึ่งถือเป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ตการลงทุน (Diversify Portfolio)

และ Global Market ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมีแผนลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ

นอกจากนี้ OR จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรอย่างรอบด้าน พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านน้ำมันระหว่างประเทศ และการสร้าง New Magnet เพื่อยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเติมเต็มโอกาส เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน

“การทำการตลาดด้วยการลดราคาน้ำมัน จะเป็นแนวทางสุดท้ายของโออาร์ เพราะบริษัทเชื่อมั่นว่า Market Price ราคาตลาดตามต้นทุน จะทำให้ประชาชนผู้บริโภคตระหนักถึงการประหยัดพลังงาน” ซีอีโอปีกทองเน้นย้ำ

พร้อมระบุ การขับเคลื่อนองค์กรในยุคที่มีความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ จะต้องสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปรับแนวความคิดการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการ “They grow We grow”

โดยจะสร้างความเชื่อมั่นและการสื่อสารที่ใกล้ชิดผ่านโครงการ “CEO on tour” เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ พนักงาน พันธมิตร นักลงทุน และสื่อมวลชน

สำหรับปี 2568 โออาร์ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 19,000 ล้านบาทจากงบลงทุน 5 ปีที่ 60,000 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นไปที่ Mobility ประมาณ 7,600 ล้านบาท และ Lifestyles ประมาณ 7,300 ล้านบาท

ส่วนงบประมาณที่เหลือจะเป็นการลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงนวัตกรรม และธุรกิจใหม่ โดยในต่างประเทศจะเป็นการนำธุรกิจ Mobility และ Lifestyles ที่ประสบความสำเร็จไปลงทุน ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยปัจจุบันมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเข้าไปลงทุน

สำหรับเป้าในการเติบโตของธุรกิจทั้งหมด โดยหลักจะสามารถขยายตัวได้ตามจีดีพีของประเทศ หรือ 2-3% ซึ่งในปี’68 ตั้งเป้าที่จะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของโออาร์เพิ่มขึ้น 2-3% หรือเติบโตอยู่ที่ระดับ 38% เหมือนปี’66 โดยใช้กลยุทธ์การดึงจุดเด่นของโออาร์กลับมา

หม่อมหลวงปีกทองกล่าวอีกว่า ในส่วนของการพัฒนาสถานีชาร์จ EV นั้น โออาร์มีการปรับเป้าลดลงตามคาดการณ์จำนวนรถ EV ที่เติบโตชะลอตัวลง จากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ 7,000 จุด โดยจะมีการใช้เงินลงทุนตามไปด้วย เนื่องจากมีต้นทุนที่ลดลงตามเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่จะใช้เงินลงทุนประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท

“ต้องเรียนว่าการปรับเป้าดังกล่าวไม่ใช่เป็นการลดการลงทุน แต่ยังคงมีการขยายสถานีชาร์จอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโออาร์มีหัวชาร์จอีวีอยู่ที่ประมาณ 1,000 จุดเมื่อสิ้นปี’67”

ช่วงท้าย ม.ล.ปีกทอง ยังเปิดตัว Facebook Fanpage “ต้น ปีกทอง – Tone Peekthong” อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลอีกด้วย!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image