พบอุปสรรค! หลังดีอีผนึกธปท. เร่งปรับชื่อให้ตรงโมบายแบงกิ้ง พบครอบครัวยืนยันใช้ซิมร่วมกันไม่ได้

พบอุปสรรค! หลังดีอีผนึกธปท. เร่งปรับชื่อให้ตรงโมบายแบงกิ้ง พบครอบครัวยืนยันใช้ซิมร่วมกันไม่ได้

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้า และผลักดันแนวทางการร่วมรับผิดชอบ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ประกาศดำเนินมาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้โมบายแบงกิ้ง” กรณีหมายเลขโทรศัพท์มือถือมีชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อ ผู้ใช้งานโมบายแบงกิ้ง สามารถติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปลี่ยนเจ้าของซิม หรือติดต่อธนาคารที่ใช้งาน โมบายแบงกิ้ง เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับ โมบายแบงกิ้งของธนาคาร เพื่อดำเนินการให้ข้อมูลชื่อเจ้าของซิมตรงกับชื่อที่ใช้งานโมบายแบงกิ้งภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด บริการโมบายแบงกิ้ง อาจถูกระงับการใช้งาน

โดยกระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณายกเว้น ในกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้
1.เบอร์มือถือที่จดทะเบียนในชื่อหน่วยงานราชการ (เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด) หรือองค์กรที่ใช้โดยพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ จะได้รับการพิจารณาเป็นข้อยกเว้น และไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรการนี้

2.ลูกค้าที่มีความจำเป็น หรือข้อจำกัดเฉพาะ เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนเบอร์มือถือได้ เนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือเอกสาร สามารถยื่นคำขอยกเว้น พร้อมเอกสารประกอบแสดงเหตุผลต่อธนาคาร

ADVERTISMENT

3.กลุ่มบุคคลในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ บุตร พี่น้อง ปู่ ย่า ตายาย คู่สมรส (จดทะเบียน) โดยจะต้องแสดงเอกสารความสัมพันธ์ต่อธนาคาร ได้แก่ เอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ เช่น ทะเบียนบ้าน สูติบัตร ทะเบียนสมรส เป็นต้น และเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จ ค่าโทรศัพท์

4.นิติบุคคล ได้แก่ บริษัทเอกชน หรือนิติบุคคลตามกฎหมาย (กรณีที่ลงทะเบียนในนามนิติบุคคล และให้พนักงานในองค์กรใช้งาน) จะต้องมีเอกสารรับรองจากบริษัท ที่มีข้อความระบุชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และอนุญาตให้ใช้เบอร์โทรศัพท์ผูกโมบายแบงกิ้ง

ADVERTISMENT

5.ผู้ที่ต้องได้รับความดูแลตามกฎหมาย ได้แก่ ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิการ จะต้องนำเอกสารตามคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้อนุบาล หรือเอกสารตามคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้พิทักษ์ บัตรผู้พิการ หรือเอกสารที่หน่วยงานราชการออกให้ มายื่นแสดงต่อธนาคาร

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการออกประกาศดังกล่าว พบว่า มีประชาชนที่ใช้ 1 เบอร์ พร้อมกัน 2 ซิม ตามแพคเกจมือถือที่กำหนดไว้ มีความสัมพันธ์เป็นบุคคลในครอบครัว ได้เดินทางไปทำการขอยกเว้นเพื่อใช้บริการตามปกติ ภายใต้ข้อยกเว้นที่ 3 เป็นกลุ่มบุคคลในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ บุตร พี่น้อง ปู่ ย่า ตายาย คู่สมรส (จดทะเบียน) โดยจะต้องแสดงเอกสารความสัมพันธ์ต่อธนาคาร ได้แก่ เอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ เช่น ทะเบียนบ้าน สูติบัตร ทะเบียนสมรส เป็นต้น และเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จ ค่าโทรศัพท์ ซึ่งพบว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารปลายทางไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่าต้องเป็น 1 เบอร์ 1 ซิม 1 ผู้ใช้งานเท่านั้น แม้มีการนำรายละเอียดของกระทรวงดีอีให้พิจารณาแล้วก็ยังไม่สามารถทำได้

ทำให้เกิดความสับสนทั้งจากผู้ใช้บริการ และเจ้าหน้าที่ธนาคารผู้ต้องเป็นด่านหน้าในการทำธุรกรรมต่างๆ บนธนาคารสาขาด้วย จึงต้องการให้ประกาศความชัดเจนพร้อมทำหนังสือเวียนไปตามธนาคารสาขาอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนเกิดขึ้นอีก

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า มาตรการนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งประชาชนที่จะต้องดำเนินการติดต่อธนาคาร จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านโมบายแบงกิ้งของธนาคารโดยตรงเท่านั้น จะไม่มีการแจ้งเตือนประชาชนผ่านช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่โมบายแบงกิ้ง อาทิ เอสเอ็มเอสเด็ดขาด เพื่อป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง

ทั้งนี้ ประชาชนจะต้องรอข้อความแจ้งผ่านโมบายแบงกิ้งของตัวเองก่อนแล้วค่อยดำเนินการ หากไม่มีข้อความแจ้งก็ยังไม่ต้องทำอะไร ซึ่งก็มีความกังวลจากประชาชนผู้ใช้บริการเบอร์โทรศัพท์แบบพ่วงในครอบครัว ว่าจะไม่สามารถใช้บริการโมบายแบงกิ้งได้ตามปกติ หรือดำเนินการไม่ทันถ่วงทีหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image