สรท. คาดส่งออกปี’68 โต 1-3% จี้ ตั้งกรอ.พณ. ประชุมรายเดือน รับมือ จับตา 4 ปัจจัยเสี่ยงกดดัน

สรท. คาดส่งออกปี’68 โต 1-3% จี้ ตั้งกรอ.พณ. ประชุมรายเดือนรับมือ เปิด 4 ปัจจัยเสี่ยงต้องระวัง

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม 2567 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 24,765 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 8.7% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 8.53 แสนล้านบาท ขยายตัว 7.2% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 24,776 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว14.9% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 8.63 แสสล้านบาท หดตัว 13.4% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2567 ขาดดุลเท่ากับ 10.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และขาดดุลในรูปของเงินบาท 1.06 หมื่นล้านบาท

นายชัยชาญ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม – ธันวาคม ของปี 2567 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 5.4% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 10.54 ล้านล้านบาท ขยายตัว 7.3% ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 3.06 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6.3% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 10.89 ล้านล้านบาท หดตัว 3.8% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม – ธันวาคม 2567 ขาดดุลเท่ากับ 6,280.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นการขาดดุลในรูปเงินบาท 3.47 แสนล้านบาท

“สำหรับการส่งออกทั้งปี 2567 เติบโต 5.4% ถือเป็นการเติบโตในระดับที่เกินเป้าหมายที่ 4% ทำให้ฐานปี 2567 ค่อนข้างสูง” นายชัยชาญ กล่าว

ADVERTISMENT

นายชัยชาญ กล่าวว่า สรท. จึงคาดการณ์ส่งออกปี 2568 เติบโตที่ 1-3% โดยมีปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนที่สำคัญต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด ได้แก่ 1.นโยบายของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้เกิดความผันผวนทางการค้าในระยะต่อไป เช่น การใช้มาตรการทางภาษีศุลกากรกดดันนานาประเทศในประเด็นที่แตกต่างกันออกไป 2. ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังไม่มีข้อยุติทั้งกรณี รัสเซีย-ยูเครน และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง 3.ค่าเงินบาทยังคงมีความผันผวน เป็นผลมาจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

4.ปัจจัยเฝ้าระวังขนส่งสินค้าทางทะเล อาทิ การบริหารจัดการเที่ยวเรือและระวางเรือของสายเรือไม่ให้เกิดการยกเลิกเที่ยวเรือ การปรับเปลี่ยนเส้นทางและตารางการเดินเรือ รวมทั้ง ความแออัดของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งอาจมีผลให้การหมุนเวียนตู้คอนเทนเนอร์ในตลาดล่าช้า ต้นทุนเพิ่ม

ADVERTISMENT

และ ประเด็นอื่นๆ อาทิ ต้นทุนผู้ประกอบการ ทั้งในส่วนของต้นทุนพลังงาน ต้นทุนค่าแรง ต้นทุนทางการเงิน ยังค่อนข้างสูง และ ความพร้อมของประเทศไทยในการรับมือกับรูปแบบและมาตรการทางการค้าใหม่ รวมถึงมาตรการตอบโต้อื่น

ทั้งนี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ดังนี้ 1.เร่งรัดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน กระทรวงพาณิชย์ (กรอ.พณ.) รายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อติดตามสถานการณ์ความผันผวนการค้าระหว่างประเทศ 2.จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การโปรโมทสินค้าในรูปแบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงการจัดคณะผู้แทนทางการค้าไปเยือนประเทศคู่ค้าสำคัญ 3.เร่งเจรจาการค้าเสรีและจัดทำข้อตกลงความร่วมมือทางการค้ากับคู่ค้าสำคัญ รวมถึงเร่งเจรจาทวิภาคีกับสหรัฐอเมริกา เพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศ 4.ส่งเสริมการลงทุนของไทยในประเทศเป้าหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้า 5.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการผลิตเพื่อส่งออกให้สอดคล้องกับมาตรฐานสินค้าของประเทศคู่ค้าปลายทาง ทั้งในส่วนของสถานประกอบการทั่วไป และสถานประกอบการในพื้นที่ Free Zone และ6.ขอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งประสานความร่วมมือดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดภายในท่าเทียบเรือแหลมฉบังโดยด่วน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image