คิดเห็นแชร์ : กรอ.ดันสามเสาความร่วมมือ ‘ชุมชน-โรงงาน-รัฐ’ ยกระดับอุตฯไทยยั่งยืน

ภาคอุตสาหกรรมเป็นเครื่องยนต์หลักที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในมิติของการสร้างงาน สร้างรายได้ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนเทคโนโลยีของประเทศ อีกทั้งยังเป็นกลไกของห่วงโซ่การผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบภายในประเทศให้สูงขึ้น ลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้า และเพิ่มขีดความสามารถส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ

หากขาดการวางแผนและการจัดการที่ดี การพัฒนาอุตสาหกรรมอาจส่งผลตรงข้ามต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดกระแสการต่อต้านโรงงานอุตสาหกรรม เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ปัจจุบันการขยายหรือการประกอบกิจการอุตสาหกรรมใหม่นับวันยิ่งเกิดขึ้นได้ยากและมีความซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวมและการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากปล่อยให้เนิ่นนานไป ผลกระทบเหล่านี้จะขยายวงกว้างไปสู่ห่วงโซ่การผลิตอื่นๆ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมและประเทศยังต้องการโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนกลไกการผลิตและตอบสนองความมั่นคงของเศรษฐกิจโดยรวม กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) จึงต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสังคม

โดยการสร้างกฎเกณฑ์ กติกาที่ชัดเจน เป็นที่ยอมรับตามหลักวิชาการสากล ซึ่งหลายท่านอาจจะรู้จักหรือคุ้นเคยกับ กรอ.ด้วยภาพจำ สายบู๊!! ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและกำกับโรงงาน ดังที่ปรากฏผ่านสื่อสาธารณะ เช่น การตรวจจับและดำเนินคดีกับกระทำความผิดลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม กรอ.ยังมีบทบาทสำคัญใน สายบุ๋น!! ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้มีการบริหารจัดการการผลิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชนและมีความลงตัวกับกติกาสากล โดยเฉพาะเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ และนโยบายของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ “ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” เพื่อนำไปสู่ “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่กับชุมชน” โดย “ปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมเข้าสู่วิถีใหม่” พร้อมกับการผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของ “ชุมชนรักโรงงาน โรงงานรักชุมชน และสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชน” ที่ กรอ.มุ่งขับเคลื่อนผ่านการยกระดับมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ภายใต้โปรเจ็กต์ “CSR-DIW” ที่ย่อมาจากคำว่า “Corporate Social Responsibility, Department of Industrial Works”

ADVERTISMENT

โดย กรอ.ปั้นโปรเจ็กต์ “CSR-DIW” บนหลักคิด “การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างสมดุลและยั่งยืนคู่ชุมชน” ที่ไม่เน้นการทำ CSR ผ่านการบริจาค แต่เน้นให้เกิด “ความสมดุลและยั่งยืน” สร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมที่แข็งแกร่งของ 3 เสาหลักสำคัญ คือ โรงงาน ชุมชน และภาครัฐ โดยการปรับเปลี่ยนบทบาทของ กรอ. จากหน่วยงานตรวจสอบกำกับโรงงาน (Regulator) ไปสู่บทบาทของผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) สนับสนุนให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของทั้ง 3 เสาหลักอย่างเป็นรูปธรรม โดยการนำมาตรฐานสากลว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเป็นระบบ ISO 26000 : Social Responsibility

มาประยุกต์จัดทำเป็นมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ และส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรม

มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ดำเนินกิจการภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี โดยรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ภายใต้ 7 หลักการ 7 หัวข้อหลัก และ 9 เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติ

ทั้งนี้ ได้ผลักดันโปรเจ็กต์ “CSR-DIW” มาอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงงานนำมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ (CSR-DIW) ไปประยุกต์ใช้ในองค์กร ด้วยการสร้างแรงจูงใจผ่านรางวัล CSR-DIW

ที่มีประเมินร่วมกันจากภาคีเครือข่าย 3 เสาหลัก โดยแบ่งประเภทรางวัลออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1.รางวัล CSR-DIW for Beginner สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือขนาดใหญ่ที่เริ่มทดลองหรือเตรียมความพร้อม ดำเนินการอย่างน้อย 3 หัวข้อหลัก คือ การกำกับดูแลองค์กร สิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน 2.รางวัล CSR-DIW สำหรับผู้ประกอบการที่สามารถดำเนินการได้ครบทั้ง 7 หัวข้อหลัก และ 3.รางวัล CSR-DIW Continuous สำหรับผู้ประกอบการดำเนิน CSR-DIW อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานที่นำมาตรฐาน CSR-DIW ไปดำเนินงานและได้รับการประเมิน รับรางวัล CSR-DIW แล้วกว่า 1,376 โรงงาน สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนทั่วประเทศกว่า 550 ชุมชน มีผลตอบแทนทางสังคมแล้วกว่า 250 ล้านบาท

ผลจากการนำมาตรฐาน CSR-DIW มาประยุกต์ใช้ในการประกอบกิจการโรงงาน จะเป็นการวางรากฐานเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม ทั้ง 1.ด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้โรงงานใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปริมาณกากของเสียที่ต้องไปจัดการ ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้สารเคมีที่มีความเป็นพิษ ลดมลพิษสิ่งแวดล้อม 2.ด้านชุมชนและสังคม เกิดการขยายโอกาสทางธุรกิจในท้องถิ่น เพิ่มโอกาสทางอาชีพและการศึกษา ลดปัญหาข้อร้องเรียน สร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ชุมชนมากยิ่งขึ้น สร้างความตระหนักให้โรงงานมีความรับผิดชอบและจิตใต้สำนึกที่ดีต่อส่วนรวม

และ 3.ด้านเศรษฐกิจ ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้ธุรกิจ พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น สร้างงาน สร้างอาชีพให้ชุมชน เกิดความร่วมมือระหว่างโรงงาน ชุมชน และภาครัฐ เป็นกลไกสำคัญในการสร้างวัฒนธรรม “ชุมชนรักโรงงาน โรงงานรักชุมชนและสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชน” สู่การขับเคลื่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)

พรยศ กลั่นกรอง

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)