แอตต้า โอดผลกระทบซิงซิงลามตลาดใช้ภาษาจีน ทำท่องเที่ยวชะลอตัวหนัก

แอตต้า โอดผลกระทบซิงซิงลามตลาดใช้ภาษาจีน ทำท่องเที่ยวชะลอตัวหนัก

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า แนวโน้มหลังจากพ้นเทศกาลตรุษจีน วันที 29 มกราคม ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยต่อเนื่อง แต่น้อยกว่าที่ควรจะได้ เพราะกรณีนักแสดงจีนซิงซิง ที่หายตัวไปบริเวณชายแดนไทย มีผลกระทบสูงมากและยาวนานด้วย ทำให้หลังตรุษจีนนักท่องเที่ยวจีนหดหายไป จึงอยากให้รัฐบาลหารือร่วมกับภาคเอกชนในการหามาตรการอย่างไรเพื่อดึงความเชื่อมั่นและทำตลาดกลับคืนมา โดยเฉพาะตลาดที่ใช้ภาษาจีนในการสื่อสาร เพราะขณะนี้ผลกระทบไม่ได้อยู่ในตลาดจีนเที่ยวไทยเท่านั้น แต่ตลาดอื่นที่ใช้ภาษาจีนก็ถูกกระทบไปด้วยเช่นกัน ทั้งฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นจากกรณีที่เกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่กันหมด

นายอดิษฐ์ กล่าวว่า การทำตลาดต่างชาติเที่ยวไทยตอนนี้ จะต้องพัฒนาแบบสองขาควบคู่กัน ทั้งดีมานด์และซัพพลาย ทั้งการฟื้นความเชื่อมั่นเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ซึ่งส่วนนี้จะต้องอาศัยรัฐบาลว่าจะมีงบประมาณมากน้อยเท่าใดในการทำตลาด และดึงดูดเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มเติม โดยจะต้องมานั่งคุยกันแบบเร่งด่วน และมีความชัดเจนในการตั้งเป้าหมายต่อจากนี้อีก 6 เดือนจะต้องทำให้ได้อย่างไร ตัวเลขต้องไม่หดหาย หรือต่ำกว่าที่ควรจะได้ ส่วนเรื่องซัพพลาย ต้องพัฒนาคุณภาพการบริการ ความสะดวกในทุกด้าน สำคัญที่สุดเป็นแง่ความปลอดภัย ภาพลักษณ์เรื่องอาชญากรรม รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญ ในการออกมาตรการต่างๆ มาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลจะต้องประชาสัมพันธ์สิ่งที่ทำไปแล้ว อาทิ เก็บสถิติว่า สามารถจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มากน้อยเท่าใด มีการคัดกรองผู้ที่จะเข้าประเทศไทยเข้มข้นมากน้อยเท่าใด ส่วนนี้มีความสำคัญกับการดึงความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของไทยกลับมา

นายอดิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับการไปหารือร่วมกับประธานาธิบดีจีนของนายกรัฐมนตรีนั้น ประเมินว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตพื้นฐานทั่วไป ผลที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ หรือด้านการท่องเที่ยวโดยตรง ถือเป็นส่วนที่รัฐบาลไทยจะต้องเร่งออกมาตรการและดำเนินการให้เข้มข้นมากกว่า เพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะมีข่าวออกมาว่า จีนจะเริ่มดำเนินการจัดแบล็คลิสต์ประเทศปลายทางที่มีความเสี่ยงในด้านอาชญกรรม หรือมีส่วนสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นประเด็นหลักที่รัฐบาลต้องเร่งทำการบ้านรับมือให้เร็วที่สุด อาทิ การหามาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีอยู่ ดึงฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลเกี่ยวกับเงื่อนไขที่อาจทำให้ถูกแบล็คลิสต์ให้ได้

“เรื่องนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณแล้วว่า ประเทศไทยจะต้องเตรียมดำเนินการอย่างเข้มงวด ระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบกรณีซิงซิงขึ้นอีกกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือผู้ที่เข้ามาในประเทศไทย ป้องกันไม่ให้มีปัญหาใดเกิดขึ้น เพราะหากรัฐบาลมีปัญหาขึ้นมาแล้วรัฐบาลจีนสั่งตัดทันที จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น เพราะการจะไปนำกลับมาใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ยกตัวอย่างกรณีจีนสั่งห้ามนำเข้าน้ำเชื่อมจากไทย ที่ส่งผลกระทบเป็นลูกระนาด กว่าจะแก้ไขปัญหาระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลก็ต้องใช้เวลา ซึ่งการที่เมื่อเกิดผลกระทบแล้วมีความเสียหายแล้ว มาแก้ไขทีหลังใช้ต้นทุนที่สูงกว่าการวางแผนป้องกัน หรือจัดทำระบบขึ้นมาเพื่อสร้างการรับรู้ว่า ประเทศไทยดำเนินการอะไรไปแล้วบ้างแทน” นายอดิษฐ์ กล่าว

ADVERTISMENT

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image