ไบแนนซ์ ชี้ช่องความรู้ ก่อนกระโจนเข้าสนาม ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’

“การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เน้นความยั่งยืนและมีความรู้เป็นพื้นฐานสำคัญ”

โดยจากผลสำรวจของ Binance TH Academy พบว่านักลงทุนรุ่นใหม่ๆ กำลังให้ความสำคัญกับการศึกษาและสร้างความเข้าใจในการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น แทนที่จะเป็นการตัดสินใจลงทุนตามกระแสเหมือนในอดีต

นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ระบุ จากการสำรวจของ Binance TH Academy พบว่าคนไทยที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงลังเลที่จะเริ่มต้น โดยมีสองเหตุผลหลักคือ 1. กังวลเรื่องความผันผวนของราคา 2. ขาดความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุนในปี 2025 กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการพัฒนาการเรียนรู้แบบเชิงรุกและมีนวัตกรรมการป้องกันความเสี่ยงที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยข้อมูลจาก Statista คาดการณ์ว่าในปี 2025 ตัวเลขนักลงทุนทั่วโลกในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะเพิ่มเป็น 861 ล้านราย

ซีอีโอกัลฟ์ ไบแนนซ์ ระบุอีกว่า ปรากฏการณ์ FOMO (Fear Of Missing Out) ที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต กำลังถูกแทนที่ด้วยแนวคิดการลงทุนที่มีหลักเหตุผลมากขึ้น “เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในพฤติกรรมนักลงทุน นักลงทุนรุ่นใหม่มองหาความรู้และเครื่องมือที่จะช่วยจัดการความเสี่ยงมากขึ้น แทนที่จะลงทุนตามกระแสเหมือนในอดีต

ADVERTISMENT

การศึกษาและความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นรากฐานสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความซับซ้อน สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนในงบที่จำกัดและต้องการการคุ้มครองเงินต้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการลงทุนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นได้

ไบแนนซ์

ADVERTISMENT

ล่าสุด Binance TH ได้ริเริ่มแคมเปญ Price Protection ที่นำเสนอแนวคิด “เรียนรู้พร้อมลงทุนไปด้วยกัน” โดยมอบการคุ้มครองเงินลงทุน 100%* สูงสุด 4,000 บาท สำหรับการลงทุนครั้งแรกบน BINANCE TH เป็น Bitcoin* เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้การลงทุนพื้นฐานที่จำเป็น สร้างความมั่นใจและพัฒนาทักษะการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้มี 3 เหตุผลที่ทำให้ปี 2025 เป็นจังหวะสำคัญของการลงทุน Bitcoin ประกอบด้วย

1.การยกเลิก SAB 121 เปิดทางสถาบันการเงินรายใหญ่ การยกเลิกกฏ Staff Accounting Bulletin No. 121 (SAB 121) ของสหรัฐอเมริกา ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เปิดโอกาสให้ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง JPMorgan, Bank of America และ Citibank สามารถให้บริการด้านบิทคอยน์ได้สะดวกขึ้น เนื่องจากไม่ต้องบันทึกบัญชีที่ซับซ้อนเหมือนในอดีต ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบิทคอยน์สำหรับนักลงทุนทั่วไป เช่นเดียวกับที่เราเห็นจากความสำเร็จของ การอนุมัติ Bitcoin ETFs

2.แนวโน้มการถือบิทคอยน์เป็นทุนสำรองของประเทศ แนวคิดการจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve (SBR) ในสหรัฐอเมริกา กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หากสหรัฐฯ เริ่มถือบิทคอยน์เป็นทุนสำรองอย่างเป็นทางการ อาจเกิด “โดมิโนเอฟเฟกต์” ให้ประเทศอื่น ๆ เช่น บราซิล สาธารณรัฐเช็ก และรัสเซีย พิจารณาแนวทางเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการยอมรับบิทคอยน์ในระดับโลก

3.สภาพคล่องของ USD เพิ่มขึ้น ปัจจัยขับเคลื่อนราคา Bitcoin การเพิ่มขึ้นของปริมาณเงิน M2 ในสหรัฐฯ (เติบโต 3.6% ในปี 2024) และมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในปีนี้ ประกอบกับการที่บิทคอยน์มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าบิทคอยน์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ มีภาระหนี้ที่สูงขึ้นและยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย

โดยปัจจัยทั้ง 3 ประการนี้กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอาจทำให้ปี 2025 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการลงทุนในบิทคอยน์

ไบแนนซ์

ทั้งนี้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับต่ำ คนรุ่นใหม่กำลังมองหาทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหนึ่งในทางเลือก แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความรู้และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม

ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลคริปโตจากการเก็งกำไรระยะสั้นสู่การลงทุนที่มีความรู้เป็นพื้นฐานสำคัญนั้น จะสะท้อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของตลาด ผ่านการผสานระหว่างการให้ความรู้และมีมาตรปกป้องเงินลงทุนให้แก่นักลงทุนรุ่นใหม่ เป็นกุญแจสำคัญสร้างความเชื่อมั่นและการเติบโตให้กับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image