ททท. เชื่อมั่นปี’68 ท่องเที่ยวไทยคืนชีพโตเทียบก่อนโควิด ชูจุดแข็งดึงต่างชาติผ่านเรื่องราวไม่รู้จบ

ททท. เชื่อมั่นปี 68 ท่องเที่ยวไทยคืนชีพโตเทียบก่อนโควิด ชูจุดแข็งดึงต่างชาติผ่านเรื่องราวไม่รู้จบ

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ ห้อง Ballroom 1 ชั้น 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ หนังสือพิมพ์มติชน และมติชนออนไลน์ จัดสัมมนา “Matichon Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย”

โดย นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเทียวแห่งประเทศไทย (ททท.) บรรยายพิเศษ หัวข้อ “เชื่อมั่นท่องเที่ยว เสน่ห์ไทย 5 ภูมิภาค” ว่า ความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวไทย ทุกคนเชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย แม้เป็นความกดดันที่ ททท.ต้องมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย แต่ ททท.ก่อตั้งองค์กรมากว่า 65 ปี จึงอยู่คู่กับเศรษฐกิจไทยมาตลอด โดยความสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เดิมอาจอยู่ในชนชาติตะวันตก หรือชนชั้นสูงอะไรก็ตามที แต่ตอนนี้ในระยะเวลา 65 ปีที่ผ่านมา มีการขับเคลื่อนท่องเที่ยวจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแล้ว โดยช่วงก่อตั้งแรกๆ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพียง 80,000 คนเท่านั้น แต่ตอนนี้อยู่ที่ใดก็เจอกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงเชื่อมั่นว่าภาคการท่องเที่ยวไทยจะขับเคลื่อนไปได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน

ADVERTISMENT

นายนิธีกล่าวว่า หลังจากเกิดโควิด-19 เมื่อปี 2563 มีความคาดหวังและตั้งคำถามว่า เมื่อใดภาคการท่องเที่ยวไทยจะกลับสู่ภาวะปกติเหมือช่วงก่อนหลังโควิด โดยในปี 2568 นี้ ททท.คาดการณ์ว่า ท่องเที่ยวไทยจะกลับสู่ภาวะปกติแล้ว จากการตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยแตะ 40 ล้านคน เทียบเท่าปี 2562 ก่อนเกิดโควิด ที่มีนักท่องเที่ยว 39.8 ล้านคน สร้างรายได้ 3 ล้านล้านบาท และพยายามพุ่งไปให้ถึงเป้าหมายที่ท้าทายในระดับ 3.4 ล้านล้านบาท ซึ่ง ททท.ทำด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือในหลายๆ ภาคส่วน แต่อยากให้ทุกคนเชื่อมั่น เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่าง อาทิ การขยายตัวของจีดีพีมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อย 2.8-3.3% ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ภาคบริการ คิดเป็นประมาณ 15% ของจีดีพี

นายนิธีกล่าวว่า จุดแข็งของการท่องเที่ยวไทย คือ ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ในการท่องเที่ยวจากทั่วโลก ผ่านการจัดอันดับของนิตยสารท่องเที่ยวหลายสำนัก อาทิ Travel & Leisure และการคมนาคมที่ภาครัฐมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเป็นฮับเรื่องสายการบินต่างๆ การสร้างรถไฟความเร็วสูง เปิดท่าอากาศยานใหม่ในสุวรรณภูมิ ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นจากทั่วโลกได้ต่อเนื่องมากขึ้น รวมถึงเรามีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่หลากหลาย วัฒนธรรมที่โดดเด่น ธรรมชาติสวยงาม ถูกขึ้นทะเบียนยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก อาทิ สงกรานต์ ต้มยำกุ้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เมื่อมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวออกไปแล้วทำให้คนต่างๆ เข้าใจและยอมรับการท่องเที่ยวของประเทศไทยมากขึ้น

ADVERTISMENT

นายนิธีกล่าวว่า การมีหน่วยงานพันธมิตรมากมาย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขับเคลื่อนของ ททท.ที่ผ่านมามีการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และส่งเสริมการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยของตลาดต่างประเทศ อาทิ จะมีการเปิดสำนักงานใหม่ที่ริยาด ซาอุดีอาระเบียอีก 1 แห่ง เพื่อเจาะตลาดตะวันออกกลาง โดยมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ สถานทูตต่างๆ ทั่วโลก สายการบิน โอทีเอ สื่อ และโซเชียลมีเดีย ทำให้ความร่วมมือเป็นไปได้ด้วยดี สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึง

นายนิธีกล่าวว่า แนวโน้มและโอกาสของการท่องเที่ยวไทย ได้แก่ การขยายตัวของนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ เพราะการจะส่งเสริมไปให้ถึง 40 ล้านคน ต้องเน้นกลุ่มเป้าหมาย และรายได้อย่างสำคัญ อาทิ ตะวันออกกลาง ยุโรป รัสเซีย และสหรัฐ ที่กำลังเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปี 2567 ที่มีหลายตลาดทำตัวเลขนักท่องเที่ยวแตะ 1 ล้านคนได้ค่อนข้างมาก ที่สำคัญคือ แม้จีนเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทยในทุกปีที่ผ่านมา แต่เราไม่ได้พึ่งพาเพียงตลาดใดตลาดหนึ่งเท่านั้น นอกเหนือจากเชิงพื้นที่แล้ว มองในเชิงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวด้วย กลุ่มใดที่น่าเชิญชวนเข้ามามากที่สุด อาทิ กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา เหมือนปีที่ผ่านมาจัดกิจกรรมมากมาย ทั้งวิ่งมาราธอน กอล์ฟ ปั่นจักรยาน กลุ่มเวลเนส ก็เป็นอีกตลาดที่ให้ความสนใจ เพราะประเทศไทยมีความทันสมัยทางการแพทย์ การให้บริการต่างๆ มีหลายพื้นที่เข้ามา อาทิ ตะวันออกกลาง หรือเอเชีย นิยมใช้บริการด้านความงาม รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ที่ไทยมีร้านอาหารมิชลิน 3 ดาว สะท้อนถึงทรัพยากรทางการท่องเที่ยวของไทยที่มีความพร้อมมาก

“กลุ่มที่มีความสำคัญในอนาคตเป็นเรื่องการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ ล่าสุดนายกฯ ลงพื้นที่ไปหาดใหญ่ ประเมินภาพสงขลาเป็นเมืองเก่า สามารถขายเป็นดิสเนชั่นใหม่ๆ ที่นำมานำเสนอขายในกลุ่มสำราญทางน้ำได้” นายนิธีกล่าว

นายนิธีกล่าวว่า กระแสความนิยมที่จะหยิบมาผสมผสานโดยเฉพาะในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ที่หากอยู่เดี่ยวๆ เพียงลำพังเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวหรือวัฒนธรรมอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้อง อาทิ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ที่นำมวยไทยเข้ามาส่งเสริมจนดังไปทั่วโลก การใช้ประเทศไทยเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำภาพยนตร์ ที่ล่าสุดเปิดตัวไวท์ โลตัสไป ทำให้ยอดค้นหาโลเคชั่นถ่ายทำในประเทศไทยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว รวมถึงในอนาคตจะมีการเปิดตัวจูลาสสิค พาร์ค ซึ่งจะช่วยสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

นายนิธกล่าวว่า เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นเรื่องความปลอดภัย ซึ่งต้องพยายามทำให้ทุกอย่างตรงปก ไม่ใช่โฆษณาไปแบบนี้แต่นักท่องเที่ยวเข้ามาจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น จึงต้องส่งเสริม พัฒนาสินค้าและบริการให้มีอัตลักษณ์ของไทยอย่างโดดเด่นที่สุด ผู้ประกอบการต้องเข้าใจในเรื่องที่จะเดินไปข้างหน้าด้วย อาทิ ความยั่งยืน การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม รัฐบาลได้อำนวยความสะดวกในการเข้าประเทศไทย โดยการส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่กันทั้งไทยเที่ยวไทยและต่างชาติเที่ยวไทย พยายามให้คนไทยเที่ยวในประเทศด้วย ไม่เช่นนั้นจะเหมือนไปญี่ปุ่นแล้วเจอแต่คนไทย จึงมีแคมเปญสุขทันทีที่เที่ยวไทย ออกมาเพื่อกระตุ้นเที่ยวในประเทศ เพราะไทยยังมีอีกหลายที่เที่ยวสวยงามให้ไปชม รวมถึงพยายามกระจายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองรองต่างๆ ที่เริ่มมีความเจริญเติบโต และมีความพร้อมในการเข้าไปท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วนตลาดต่างประเทศก็ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ ทัวริซึ่ม แอนด์ สปอร์ต เยียร์ 2568 ที่สามารถสร้างเรื่องราว ภาพจำ และส่งต่อเรื่องราวไปถึงผู้คนใหม่ๆ แบบไม่มีวันจบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image