‘พิชัย’ ดึงทูตพาณิชย์ขายข้าว จับตา 26 ก.พ. นบข. ยื่น 3 มาตรการช่วยชาวนา
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมร่วมและมอบนโยบายให้ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ผช.ผอ.สคต.) ที่เดินทางมาปฏิบัติราชการในประเทศไทยชั่วคราว ช่วงการจัดงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 22-26 กุมภาพันธ์ 2568 นอกจากติดตามสถานการณ์การนำเข้าและส่งออกในรายประเทศ ที่อาจได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกคำสั่งหรือประกาศใช้นโยบายต่างๆ แล้ว ยังเน้นย้ำในการเร่งหาตลาดส่งออกสินค้าเกษตรไทย เพื่อลดปัญหาผลผลิตล้นและราคาตกต่ำที่กำลังเกิดขึ้นกับสินค้าหลายชนิด โดยเฉพาะข้าว มันสำปะหลัง รวมถึงแผนรับมือระบายผลไม้หน้าร้อนของไทย ที่จะเริ่มออกตลาดในเดือนมีนาคมนี้้
แหล่งข่าวกล่าวถึงความคืบหน้าออกมาตรการช่วยเหลือชาวนา ที่ร้องขอให้ช่วยเหลือจากราคาข้าวเปลือกลดลงจากปีก่อนมากนั้นว่า ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน โดยเป็นการพิจารณามาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว จากมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด เสนอ 3 แนวทาง คือ 1. โครงการชะลอและเก็บข้าว 1-5 เดือน จะช่วยค่าฝากเก็บ 1,500 บาท/ตัน ในพื้นที่ 72 จังหวัด เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน วงเงิน 1,219 ล้านบาท แยกเป็น กรณีชาวนามียุ้งฉางหรือโรงสีเก็บข้าวเป็นของตัวเอง จะได้รับเงินเต็ม 1,500 บาท/ตัน และกรณีชาวนาฝากเก็บกับสหกรณ์หรือโรงสี จะได้รับ 1,000 บาท/ตัน ส่วนโรงสี/สหกรณ์ได้รับ 500 บาท/ตัน โครงการ 2. ชดเชยดอกเบี้ย ช่วยดอกเบี้ยผู้ประกอบการ 6% ที่เก็บสต๊อก 2-6 เดือน และรับซื้อราคาสูงกว่าตลาด 200 บาท/ตัน เป้าหมาย 2 ล้านตัน และโครงการ เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือก โดยรัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการ 500 บาท/ตัน โดยรับซื้อราคาสูงนำตลาด 300 บาท/ตัน เป้าหมาย 3 แสนตัน บนเป้าหมายผลักดันราคาข้าวเปลือกไม่ต่ำ 8,000 บาท/ตัน และทั้ง 3 โครงการจะใช้งบประมาณรวม 1,893 ล้านบาท จากนั้นจะนำเสนอที่ประชุม ครม.วันที่ 4 มีนาคม พิจารณาและเห็นชอบ
“ที่มีการร้องขอประกันราคา หรือจ่ายส่วนต่างราคาข้าวเป้าหมายกับราคาข้าวขายได้จริง โอกาสใช้มาตรการดังกล่าว ไม่น่าทำได้ อาจถูกมองว่าไทยใช้มาตรการอุดหนุน ผิดหลักการค้าโลก เรื่องนี้คงต้องให้ความชัดเจนกับชาวนา และเร่งในเรื่องหาตลาดและระบายสินค้า” แหล่งข่าวกล่าว
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับมันสำปะหลังได้มีการหาตลาดส่งออกและลงนามในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้ว คิดเป็นหัวมันสดก็กว่า 1 ล้านตัน ตอนนี้ก็อยู่ที่หน่วยงานบริการจัดการภายในในการจัดการเพื่อส่งมอบ ส่วนข้าว กรมได้เร่งเจรจากับทุกประเทศเป้าหมาย อาทิ จีน กำลังเจรจาที่ค้างข้อตกลงจีทูจีไว้ 2.8 แสนตัน น่าจะมีข่าวดีจากนี้ และได้เจรจาขายให้กลุ่มประเทศแอฟริกากว่า 3 แสนตัน กำลังเจรจากับผู้นำเข้าญี่ปุ่น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการแข่งขันราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกรุนแรงขึ้น แต่ไทยเรายึดความเด่นเรื่องคุณภาพมาตรฐานโลกและการส่งมอบได้ตามสัญญา
