AP ชิงโอกาสในวิกฤต เปิด 42 โครงการ 6.5 หมื่นล้าน ขยายพอร์ตบ้านหรู 100 ล้าน
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ยังมีปัจจัยรอบด้านที่ท้าทายไม่ต่างจากปี 2567 ทั้งหนี้ครัวเรือนสูงส่งผลต่อกำลังซื้อ แต่ในอุปสรรคยังมีโอกาส และอุปสรรคคนอื่นก็เป็นโอกาสของเอพีที่ยังคงเติบโต สะท้อนจากปี 2567 ที่ได้ฟันฝ่าอุปสรรคสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 46,752 ล้านบาท รายได้ 47,125 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,020 ล้านบาท และมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำ ที่ 0.7 เท่า
สำหรับปีนี้จะเดินหน้าลงทุนภายใต้สโลแกน “สร้างที่สุดให้ชีวิตดีที่สุด” มีแผนเปิดตัว 42 โครงการ เท่ากับปีที่แล้ว แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นโดยอยู่ที่ 65,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท ทาวน์โฮมและบ้านแฝด 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท ทำให้โครงการพร้อมขายกระจายทั่วประเทศไทยรวม 226 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 55,000 ล้านบาท เติบโต 17.60% เป็นคอนโด 17,500 ล้านบาท แนวราบ 37,500 ล้านบาท และรายได้ 52,000 ล้านบาท เติบโต 12.30% เป็นคอนโด 14,600 ล้านบาท และแนวราบ 37,000 ล้านบาท
“ปีนี้เราขยายขยายทำเลใหม่ๆ เพิ่มทั้งกรุงเทพฯและภูมิภาค ผ่านกลยุทธ์สร้างที่สุดให้ชีวิตดีที่สุดผ่าน 3 DNA สำคัญคือ 1.Diversity & Desires สร้างที่สุดให้ทุกพื้นที่สะท้อนตัวตน 2.Craft Space & Design สร้างที่สุดในทุกรายละเอียดของการออกแบบและElevation & Intuitive Living สร้างที่สุดให้ทุกสิ่งรอบตัวเป็นเรื่องง่าย โดยทุกโครงการจะตอบโจทย์ของทุกเจเนอเรชั่น มีแบบบ้านดีไซน์ใหม่เพิ่ม” นายวิทการกล่าว
นายวิทการยังกล่าวถึงการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ถือว่าทำให้เซนติเมนต์เศรษฐกิจดีขึ้น สะท้อนจากตลาดหุ้นที่ตอบรับในทันที โดยปรับตัวขึ้น แต่ต้องดูต่อไปว่าธนาคารจะมีการตอบรับอย่างไร เพราะเป็นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ที่ยังไม่เห็นคืออัตราดอกเบี้ยที่แต่ละธนาคารจะออกมา และในขณะนี้นโยบายยังไม่ได้ลงไปถึงประชาชน อย่างไรก็ดีเมื่อดอกเบี้ยลดลงจะช่วยลดภาระผู้ซื้อบ้านและภาคธุรกิจ แต่คงไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยเรื่องเดียว ต้องดูเรื่องของปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงจะจัดการอย่างไร เพื่อให้คนมีความมั่นใจและกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่า
“เมื่อดอกเบี้ยลดลงแล้ว เราก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องของการต่ออายุมาตรการลดค่าโอนและจำนอง 0.01% ออกไปอีก เพราะถือว่าการลดค่าธรรมเนียมการโอนช่วยได้มาก รวมถึงให้มีการผ่อนคลายมาตรการ LTV จะช่วยดึงกำลังซื้อคนมีรายได้สูงและยังมีกำลังซืัอ มาซื้อบ้านหลังที่ 2 จะช่วยทำให้เซนติเมนต์ตลาดอสังหาฯดีขึ้น แต่ยังไม่ตอบโจทย์กลุ่ตลาดแมส ที่ยังมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน โดยทั้งการลดค่าโอนและผ่อน LTV ก็อยากให้ดำเนินการในทุกระดับราคา ไม่ต้องกลัวเรื่องการซื้อเก็งกำไร เพราะหมดไปแล้ว และสถานการณ์ตลาดอสังหาฯปี 2568 ยังไม่ต่างจากปีที่แล้ว ยังคงเผชิญปัจจัยลบรอบด้าน” นายวิทการกล่าว
นายเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝด กล่าวว่า ปี 2567 กลุ่มทาวน์โฮมมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 30% ยังคงครองเบอร์ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มทาวน์โฮมและบ้านโดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโตก้าวกระโดด ซึ่ง 18 โครงการใหม่ 15,000 ล้านบาท มีครบ 6 Sub-Brand ราคา 1.49-25 ล้านบาท ซึ่งมีที่ดินพร้อมพัฒนาแล้ว โดยไฮไลต์ปีนี้ทำเลเมืองเอก วิภาวดี-รังสิต เนื้อที่ 120 ไร่ จะเปิด 3 โครงการในเดือนพฤษภาคมนี้ จะเปิดขายโครงการแรก แกรนด์ พรีโน่ บ้านแฝดไซส์ใหญ่ เริ่ม 5.49 ล้านบาท เป็นต้น
นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว กล่าวว่า ปีนี้ขยายกลุ่มอัลตร้าลักชัวรีมากขึ้น ไฮไลต์บ้านเดี่ยว The Palazzo กรุงเทพกรีฑา ราคา 75-120 ล้านบาท และปิ่นเกล้า-บรมฯ ราคา 50-85 ล้านบาท บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 ราคา 50 ล้านบาทขึ้นไป และแบรนด์ใหม่ BEON (บีร์ออน) บ้านเดี่ยวโมเดิร์น 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 614- 814 ตร.ม.ทำเลแรกนวลจันทร์ จะเปิดตัวครึ่งปีหลังนี้
ขณะที่ น.ส.กมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม กล่าวว่า ปีนี้มีโครงการพร้อมโอน 4 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท เริ่มไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ส่วน 6 โครงการใหม่ที่เปิดเป็นร่วมทุนทั้งหมด จะทลายข้อจำกัดใช้ชีวิตในแนวตั้ง โดยไฮไลต์ปีนี้ คือแบรนด์ไลฟ์จะดีไซน์พื้นที่ใหม่ๆ จะเปิดโครงการแรกวันที่ 22 มีนาคมนี้ ไลฟ์สาทร-นราธิวาส 22 รูปแบบ Micro-Village in Inner City Concept สูง 8 ชั้น 2 อาคาร มูลค่า 1,800 ล้านบาท 416 ยูนิต เริ่มต้น 3.6 ล้านบาท
