ธปท.เผยเศรษฐกิจ ม.ค. ดีขึ้น จากท่องเที่ยว-บริโภคเอกชน เงินบาทไทยยังแข็งค่าเทียบกับเทียบคู่ค้า
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2568 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามภาคการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง จากทั้งอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ ทั้งจำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวปรับเพิ่มขึ้น 6.2% จากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย และกลุ่มอยู่ระยะยาว เช่น อังกฤษ และฝรั่งเศส โดยนับตั้งแต่ 1 มกราคม-23 กุมภาพันธ์ 2568 มีนักท่องเที่ยวสะสมอยู่ที่ 6.35 ล้านคน ขณะที่รายรับเพิ่มขึ้น 2.5%
น.ส.ชญาวดี กล่าวว่าและจากการบริโภคเอกชน ปรับเพิ่มขึ้น 1.1% โดยปรับเพิ่มขึ้นทุกหมวด ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากมาตรการภาครัฐ สอดคล้องกับกิจกรรมการค้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม และผลดีจากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ เช่น มาตรการยกเว้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อลดฝุ่น
น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า ส่วนการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 0.5% เพิ่มขึ้นตามเครื่องจักรและอุปกรณ์ ส่วนหมวดการก่อสร้างทรงตัวตามการก่อสร้างคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ และหมวดยานพาหนะปรับลดลงตามการนำเข้าเครื่องบินและเรือ ด้านการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่องจากทั้งรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายประจำ สำหรับการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดือนก่อน โดยหลักมาจากการส่งออกแพลตินัมไปอินเดีย แต่ยังกระจุกตัวแค่บางหมวด
ด้านตลาดแรงงานเดือนมกราคม 2568 ทรงตัว โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ทรงตัว อย่างไรก็ดี เห็นการจ้างงานภาคบริการปรับลดลง ภาคผลิตทรงตัว แต่ที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ในสาขาอื่นๆ ทั้งนี้ ผู้ขอรับสิทธิว่างงานเพิ่มขึ้น สะท้อนการหางานที่ลำบากขึ้น หรือการออกไปประกอบอาชีพอื่น ซึ่งธปท.ยังคงต้องติดตามแรงงานภาคการผลิตและยานยนต์ต่อเนื่อง
สำหรับเสถียรภาพต่างประเทศ พบว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงจาก 2.9 พันล้านดอลลาร์ ลงมาอยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์ตามดุลการค้าที่ลดลง ส่วนดุลบริการและเงินโอนยังทรงตัวอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.23% มาอยู่ที่ 1.32% มาจากราคาผักผลไม้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.83% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 0.79% ตามราคาอาหารสำเร็จรูป
น.ส.ชญาวดี กล่าวว่าขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนปรับอ่อนค่าตามความกังวลของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างไรก็ดี เงินบาทในเดือนกุมภาพันธ์เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้น โดยดัชนีเทียบคู่ค้าคู่แข่ง (NEER) ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปรับแข็งค่าขึ้น
“มองไปข้างหน้าเรายังต้องติดตามนโยบายการค้า พัฒนาการภาคผลิต มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การจ้างงานโดยรวมทรงตัว แต่ยังต้องติดตามการจ้างงานโดยเฉพาะภาคก่อสร้างและภาคการผลิต” น.ส.ชญาวดี กล่าว