ส.อ.ท. ชงรัฐ ตั้งกองทุนรับความเสี่ยง หนุนปล่อยสินเชื่อรถกระบะ เพิ่ม 1 แสนคัน ช่วยดันจีดีพีโต 3.1-3.2%
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปัญหาหลักที่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงต้องเผชิญขณะนี้ การที่ไม่ปล่อยสินเชื่อรถ ดังนั้น สิ่งที่ตนอยากขอให้ระขอรัฐเร่งแก้ไขตอนนี้ คือ การออกมาตรการให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะ เพื่อกระตุ้นยอดซื้อรถใหม่ ให้เร็วขึ้น
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จากเดิมที่ มาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะ ระบุว่า 4
เดือน ตนมองว่า ตรงนี้อาจจะช้าไป ตนมองว่าถ้าย่นระยะเวลาเป็น 2 เดือน จึงจะเหมาะสมกว่า เพราะการผลิตรถกระบะ จะต้องใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก หากแรงงานมีรายได้ก็จะไปจับจ่ายใช้สอย มีกำลังซื้อ และอุตสาหกรรมยานยนต์มีซัพพายเชนที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก และ เป็นการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมมีการผลิตมากขึ้น จ้างงานมากขึ้น จะได้รับอานิสงส์ทั้งหมด
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อีกแนวทางที่สำคัญที่อยากให้รัฐดำเนินการ คือ ต้องการให้รัฐเร่งพิจารณามาตรการที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เคยเสนอแนวทางแก้ปัญหาอุตสาหกรรมยานยนต์ตกต่ำไปช่วงปลายปี 2567 ที่ขอให้มีการตั้งกองทุนมูลค่า 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความเสี่ยงและส่งเสริมให้สถาบันการเงินพิจารณาปล่อยสินเชื่อรถกระบะได้เพิ่มขึ้นปีละ 1 แสนคัน โดยตั้งเป้าให้ยอดขายขยายตัวเพิ่มขึ้น
นายสุรพงษ์ เผยว่า หากมองในเชิงวิเคราะห์ สมมติมียอดขายรถกระบะเพิ่มขึ้น 100,000 คัน หรือมูลค่า 60,000 ล้านบาท รัฐบาลจะมีรายได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิต 1,800 ล้านบาท และจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 4,200 ล้านบาท รวมทั้งหมด 6000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบที่นำมาจัดตั้งกองทุนฯ และรวมถึงยังสามารถมีรายได้จากส่วนอื่น หากภาวะเศรษฐกิจขยายตัวเติบโตได้ดี
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การตั้งกองทุนฯ ถือเป็นเรื่องวินๆ และที่ทางเราเลือกรถกระบะ เพราะรถกระบะ ใช้ชิ้นส่วนการผลิตจากในประเทศสูงถึง 90% และเป็นเครื่องมือทำมาหากินของประชาชน เพราะฉะนั้นการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ จะเพิ่มขึ้นอีกเยอะ และการชดเชยผลจากการขาดทุนจากรถถูกยึดให้ไฟแนนท์ เป็นการชดเชยตามจริง แต่ไม่เกินคันละ 50,000 บาท ซึ่งตนเชื่อว่าจะทำให้กระตุ้นยอดขายได้ เพราะตอนนี้ไฟแนนท์ไม่กล้าปล่อยกู้ เพราะกลัวยึดรถแล้วขายขาดทุนและ ถ้ากระตุ้นยอดขายรถกระบะได้เพิ่มอีก 100,000 คัน ก็มีส่วนช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2568 นี้ สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ 2.8% เป็น 3.1-3.2% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้