สภาพัฒน์ ชี้ ไทย มีสถิติคุกคามทางไซเบอร์ 2,135 ครั้ง แนะกำหนดแนวทางรับมือที่ชัดเจน

สภาพัฒน์ ชี้ ไทย มีสถิติคุกคามทางไซเบอร์ 2,135 ครั้ง แนะกำหนดแนวทางรับมือที่ชัดเจน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ได้แถลงรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 ปี 2567 โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจ พบว่า ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ส่งผลให้เป็นที่ต้องการของคนหลายกลุ่มทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมไปถึงผู้ไม่หวังดีที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ที่อ่อนไหว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่ออาชญากรรม และสร้างความเสียหายต่างๆ

 

นายดนุชา กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย แม้จะไม่พบความเสียหายที่ชัดเจน แต่ในช่วง ปี 2564 – 2567 มีสถิติการคุกคามทางไซเบอร์จำนวน 2,135 ครั้ง มีข้อมูลรั่วไหลมากกว่า 26,000 ล้านรายการ ผ่านหลายช่องทาง ซึ่งเมื่อประเมินความเสี่ยงของประเทศไทย

ADVERTISMENT

พบประเด็นที่น่ากังวลที่อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล ดังนี้

1) คนไทยบางส่วนยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างแท้จริง โดยคนไทย 60% ยินยอมให้บริษัทเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิพิเศษ ส่วนลดสินค้า หรือของสมนาคุณจากบริษัท

ADVERTISMENT

2) ภาครัฐและเอกชนของไทยยังขาดแนวทางรองรับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ชัดเจน โดยหน่วยงานรัฐ 75% ไม่มีแผนสำหรับรองรับการคุกคามทางไซเบอร์ส่วนภาคเอกชนโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี (SMEs) 67% เคยถูกโจมตี ทางไซเบอร์ และทำให้การดำเนินธุรกิจหยุดชะงักเพราะการรักษาความปลอดภัยไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

3) หลายหน่วยงานยังขาดบุคลากรทั้งจำนวนและทักษะด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดย 72%
จากองค์กรที่ถูกละเมิดข้อมูลขาดแคลนทักษะด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยขาดแคลนทั้งในภาครัฐและเอกชน

และ 4) การขาดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงการประสานงานระหว่างประเทศ
ดังนั้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลได้ดียิ่งขึ้น

 

ดังนั้น นายดนุชา กล่าวว่า สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอาจต้องมีการดำเนินการตั้งแต่การสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล โดยการรณรงค์ผ่านสื่อต่าง ๆ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการให้ข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ทางไซเบอร์โดยวิธีการปฏิบัติ

อีกทั้งยังต้องส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง ๆ กำหนดแนวทางและพัฒนาบุคลากรเพื่อรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ชัดเจน โดยหน่วยงานรัฐและเอกชนที่มีการเก็บข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ควรจัดทำแผนการป้องกัน รวมทั้งมีการส่งเสริมให้มีแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามทางไซเบอร์ระหว่างภาครัฐและเอกชน และพัฒนาบุคลากรตรวจสอบการใช้ข้อมูลของหน่วยงานในการประเมินความเสี่ยงของการรั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image