รู้หรือไม่ ปีแล้วร้อนที่สุดในประวัติการณ์ WMO เปิดสาเหตุสภาพอากาศสุดขั้ว
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ เผยแพร่บทความเนื่องในวันอุตุนิยมวิทยาโลก วันที่ 23 มีนาคม เป็นวันอุตุนิยมวิทยาโลก เรื่อง จับมือร่วมใจปิดช่องว่างการเตือนภัยล่วงหน้า ความว่า องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ยืนยันว่า ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมกำลังก่อให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วมากขึ้น พายุหมุนเขตร้อนที่ทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ฝนตกหนัก คลื่นพายุซัดฝั่ง น้ำท่วม ภัยแล้งขั้นรุนแรง และไฟป่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ระดับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นก็ ส่งผลให้พื้นที่ชายฝั่งที่มีประชากรหนาแน่นเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม และเสี่ยงต่อการปะทะที่รุนแรงขึ้นจากคลื่นทะเล ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบทางสังคมที่เกิดตามมาจากเหตุการณ์เหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปอีกนานแม้เวลาจะผ่านไปจนข่าวได้เงียบหายไปจากสื่อแล้วก็ตาม
การเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน พันธกิจของ WMO ในการปกป้องทุกคนภายในปี 2027
โครงการ “การเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน” หรือ Early Warning for All นั้นได้ถูกประกาศขึ้นโดยทางสหประชาชาติหรือ UN ในเดือนมีนาคม 2022 โดยมีเป้าหมายในการทำให้สำเร็จภายในปี 2027 โดยปัจจุบันถือว่าอยู่ในช่วงครึ่งทางของโครงการนี้ ซึ่งได้มีความคืบหน้าอย่างมากในการช่วยชีวิตผู้คน ปกป้องวิถีชีวิต และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนให้สามารถฟื้นตัวและปรับตัวได้ และด้วยสาเหตุที่ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงขึ้น ความเร่งด่วนของโครงการนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เมื่อโครงการเข้าสู่ระยะต่อไป เราจำเป็นต้องขยายขอบเขตความร่วมมือเพื่อเร่งความคืบหน้าให้เร็วขึ้น มีการทำงานร่วมกันของผู้บริจาคในระดับทวิภาคีและพหุภาคี กองทุนด้านสภาพภูมิอากาศ และธนาคารเพื่อการพัฒนา เพื่อเพิ่มการสนับสนุนต่อความพยายามในการเตือนภัยล่วงหน้า ขณะเดียวกันพันธมิตรระดับภูมิภาคและศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางกำลังถูกดึงเข้ามาเพื่อให้เกิดผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นและเพื่อสร้างศักยภาพที่ยั่งยืน
ความเป็นเจ้าของในระดับชาติยังคงเป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้ โดยมีรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาแห่งชาติ (NMHSs) ที่จะเป็นผู้นำในการเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้พัฒนาสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัวของประเทศ รวมทั้งการวางแผนจัดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่ยั่งยืน
ตัวเลขที่บอกเล่าเรื่องราว ในปัจจุบัน ที่เราอยู่ตรง ณ จุดกึ่งกลางของโครงการ “การเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน” และเราได้เห็นความก้าวหน้าอย่างชัดเจนในด้านการช่วยชีวิตผู้คน ปกป้องวิถีชีวิต และเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัวได้ ให้กับประเทศและชุมชนต่าง ๆ
ในปี 2024 ได้มีประเทศจำนวน 108 ประเทศรายงานว่าประเทศของตนมีความพร้อมของระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภัยพิบัติหลายประเภทอยู่บางส่วน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับจำนวน 52 ประเทศ ในปี 2015
ความก้าวหน้าของประเทศที่เปราะบางที่สุด ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่สำคัญที่สุด โดยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็กก็มีอัตราการพัฒนาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกด้วย
คะแนนเฉลี่ยของโลกสำหรับความครอบคลุมของระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภัยพิบัติหลายประเภท ได้เพิ่มขึ้นจาก 0.35 เป็น 0.49 คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 39%