หลังตัดไฟ-น้ำมัน-เน็ต ลดสูญไม่ถึง50ล้านต่อวัน ฝากขัง 93 แก๊งคอลปอยเปตค้านประกันวันนี้

หลังตัดไฟ-น้ำมัน-เน็ต ลดสูญไม่ถึง50ล้านต่อวัน ฝากขัง 93 แก๊งคอลปอยเปตค้านประกันวันนี้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่ามีออกหมายจับไปกว่า 100 คน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม และมีการติดตามผลการตรวจสอบสัญญาณ เสา สาย การใช้ซิม ทุกสัปดาห์ในวันจันทร์ เท่าที่รับรายงานเป็นไปด้วยดี มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง และยังไม่พบเหตุผิดปกติ

ส่วนปัญหาหลังตัดสัญญาณ ทำให้คนในประเทศส่วนหนึ่งไม่สามารถใช้สัญญาณได้ก็มีบ้าง วันที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ ได้สั่งการให้ กสทช. ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีวิธีขยายสัญญาณในฝั่งไทย ในจุดที่สัญญาณอ่อน ได้พูดคุยกันว่าอาจจะเพิ่มสัญญาณในบางจุด โดยเพิ่มเฉพาะในฝั่งไทย

นายประเสริฐกล่าวว่า หลังจากตัดสัญญาณแล้ว ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากการตรวจสอบกับตำรวจ พบว่าปัญหาลดลง 20% สถิติการใช้ลดลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงสถิติของคดีก็ลดลง ในส่วนของศูนย์ AOC ปัจจุบันมีการร้องเรียนประมาณ 3,000 สายต่อวัน โดยหลังเปิดศูนย์ประมาณหนึ่งปี ตัวเลขลง 40% หลังใช้มาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ความเสียหายลดลง 20% ถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะลดลงทั้งความเสียหาย เงินลดลง ก่อนหน้านี้ความเสียหายกว่า 100 ล้าน แต่หลังเปิดศูนย์ตัวเลขลดลง เหลือ 60-70 ล้าน และหลังมีมาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ความเสียหายต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อวัน โดยส่วนใหญ่มาจากการหลอกให้ลงทุนเงินดิจิทัล ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก แต่ค่าเสียหายน้อย และลดลงอย่างมีนัยสำคัญคือซื้อของไม่ตรงปก

ADVERTISMENT

ส่วนความคืบหน้าการบังคับใช้พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ที่ ครม.เห็นชอบแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยภายในเดือนนี้จะเรียกสถาบันการเงิน telco provider และแพลตฟอร์ม เข้ามาพูดคุยทีละกลุ่ม ถึงความเข้าใจความรับผิดชอบในค่าความเสียหายว่าหมายถึงอะไร เพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติงาน ก่อนประกาศใช้กฎหมายได้ภายในเดือนมีนาคมนี้

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการสอบปากคำผู้ต้องหาชาวไทยที่ถูกจับกุมในปอยเปตจำนวน 93 รายว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหา สอบไปแล้วกว่า 20 ปาก โดยทั้ง 20 คนให้การรับสารภาพ และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปในทิศทางเดียวกันว่าตึกที่อยู่ในย่านพลูตาสวน เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา เป็นที่ทำการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง และมีการหลอกลวงหลายรูปแบบ นอกจากนั้นยังพบข้อมูลเพิ่มว่ามีการหลอกลวงลักษณะข่มขู่ และมีการหลอกให้รักและลงทุนอีกด้วย

ADVERTISMENT

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหา พบว่ากลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีรายได้ต่อคน คนละ 20,000 บาท ส่วนค่าคอมมิชชั่นได้ 5% แต่เมื่อข้ามแดนไปจะต้องมีค่าดำเนินการที่ต้องติดหนี้กับทางบริษัทคนละ 70,000 บาท ดังนั้นหากจะไม่ทำงานจะต้องหักเงินมาใช้หนี้ก่อน หรือทำงานเพื่อให้หักรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท ซึ่งเชื่อว่ากลอุบายนี้คนที่ข้ามไปทำงานจะต้องทำงานอย่างน้อย 7 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาชายในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต 45 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ สภ.เมืองนนทบุรี สภ.ปากเกร็ด และ สน.ทุ่งสองห้อง เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ โดยใช้รถบัสจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) และกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สอท.2 กับ บช.ตชด. คอยคุ้มกันความปลอดภัย โดยตำรวจได้มีการจัดกำลังทยอยกลุ่มผู้ต้องหาครั้งละ 5 คน จนครบ 45 คน หลังจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะใช้เวลาตลอดทั้งคืน ในการสอบปากคำผู้ต้องหาให้แล้วเสร็จครบทั้ง 93 คน

โดยวันที่ 5 มีนาคม จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังศาลอาญารัชดา พร้อมคัดค้านการประกันตัว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image