นักวิเคราะห์ชี้ หุ้นไทยขาลงเต็มตัว อัดฉีดเงินหมื่นเฟส 3 ไม่ช่วยกระตุุ้น
วันที่ 10 มีนาคม นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทย เข้าสู่ภาวะขาลงอย่างเต็มตัว สะท้อนได้จากอาการปรับขึ้นไม่ไหว ปรับลดลงแบบซึมตัว รวมถึงปัจจุบันมีหุ้นไทยหลายตัวมาก ที่ราคาต่ำกว่าช่วงการระบาดโควิด-19 ด้วย
แต่แม้ดัชนีจะปรับทยอยปรับตัวลดลง แต่ประเมินว่า การจะวิ่งหลุดระดับ 1,000 จุด หรือต่ำกว่านี้เหมือนที่เคยเห็นในอดีต เบื้องต้นมองว่ายังไม่ขนาดนั้น เพราะขณะนี้ผลตอบแทนหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ติดลบ 14.15% ซึ่งถือว่าแย่ที่สุด ในบรรดาตลาดที่เคลื่อนไหวเทียบกับในภูมิภาคนี้แล้ว สะท้อนว่า ตลาดหุ้นไทยซึมซับปัจจัยลบที่มีอยู่ไปมากพอสมควร เหมือนตลาดหุ้นอื่นๆ ก็มีการปรับตัวลดลงอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้มากนัก
“ปัจจัยลบที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ โดยเฉพาะความเชื่อมั่น แต่ปัจจัยบวกก็มีสอดแทรกเข้ามา เพราะเห็นความพยายามของรัฐบาล รวมถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่พยายามหามาตรการเข้ามาช่วยแก้ปัญหา อาทิกองทุนหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่ตลาดพยายามหยุดการขายเม็ดเงินเหล่านี้ให้ชะลอออกไปก่อน ผ่อนให้ซื้อในกองทุนไทยแลนด์ อีเอสจี มากขึ้นแทน แต่ก็อาจไม่ได้เห็นเร็วขนาดนั้น เพราะต้องรอกฎหมายก่อน ส่วนเรื่องความเชื่อมั่น ก็เห็นถึงความพยายามว่า จะออกกฎหมายเท่าเทียม ให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการเอาผิดหุ้นที่ทำผิดได้เอง โดยที่ไม่ต้องรอหน่วยงานด้านกฎหมายหลักๆ เหมือนที่ผ่านมา” นายณัฐพล กล่าว
นายณัฐพล กล่าวว่า ปัจจัยที่จะมีผลกระตุ้นตลาดอย่างแท้จริง อาจต้องรอรัฐบาลว่าจะมีอะไรออกมาเพิ่มเติม เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ ซึ่งประเมินว่า เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงปลายเดือนนี้ผ่านพ้นไป รัฐบาลน่าจะทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้น มีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคทยอยออกมา แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงินหมื่นเฟส 3 จะยังไม่ได้ช่วยกระตุ้นมากนัก เพราะดัชนีหุ้นก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวตามภูมิภาค แต่มาตรการที่ออกมาก็ดีกว่าการไม่มีออกมาเลย แต่การจะช่วยสนับสนุนให้หุ้นบวกเยอะๆ ก็คงจะทำไม่ได้ มาตรการที่จะช่วยทำให้หุ้นบวกได้จริงๆ คือการห้ามชอร์ตเซล หรือการมีวายุภักษ์ภาค 2 ออกมาเพื่อให้มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น
นายณัฐพล กล่าวว่า การฟื้นฟูหุ้นไทยตามแนวทางที่ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยออกมา เบื้องต้นมองว่าน่าจะได้ผล โดยเฉพาะโครงการออมเพื่อซื้อหุ้นไทย ส่งเสริมการลงทุนระยะยาว ลดหย่อนภาษี ภายใต้โมเดล Thailand Individual Saving Account (TISA) คล้ายกับโมเดล Nippon Individual Savings Account (NISA) ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างจูงใจให้ประชาชนออมและลงทุนในหุ้นระยะยาว เพิ่มเม็ดเงินลงทุนในตลาดทุน สร้างความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนในระยะยาว ซึ่งโครงการนี้จะทำให้นักลงทุนเข้าลงทุนหุ้นรายตัวได้โดยถือระยะยาว และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีบุคคลประจำปี ภายใต้เพดานที่กำหนด เพราะสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือ การเพิ่มเม็ดเงินใหม่ และดันเศรษฐกิจมากขึ้น