นายกฯ โรงแรมชี้แผ่นดินไหวใหญ่ คาดทำเทศกาลสงกรานต์หงอย
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับประชาชนอายุ 16-20 ปี หรือดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 นั้น ส่วนแรกเม็ดเงิน และข้อมูลของผู้ที่ได้รับสิทธิพร้อมแล้ว ขณะนี้คลังเตรียมรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว คาดว่ารัฐบาลจะโอนเงินให้กับประชาชนได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 ด้านระบบดิจิทัลวอลเล็ตก็เสร็จแล้ว เป็นการใช้จ่ายบนแอพพลิเคชั่นทางรัฐ ทั้งผู้รับสิทธิ และร้านค้า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทดสอบระบบ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ เหลือส่วนที่เป็นการเชื่อมระบบดิจิทัลวอลเล็ตกับธนาคาร นอนแบงก์ รวมถึง ผู้ให้บริการวอลเล็ต ซึ่งฝั่งแบงก์ และนอนแบงก์หลายแห่ง ได้แสดงความประสงค์จะเชื่อมระบบด้วย เมื่อระบบเชื่อมต่อเสร็จ จะเกิดการเชื่อมโยงในระบบเศรษฐกิจที่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนสะดวกสบาย มีทางเลือกการใช้จ่าย ทั้งผ่านแอพพ์ทางรัฐ หรือแอพพ์ของธนาคาร หรือวอลเล็ตที่ใช้ประจำอยู่แล้ว
“ขณะที่ประชาชนกลุ่มถัดไป คือกลุ่มอายุ 21-59 ปี เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะมีความชัดเจน คาดว่าไม่เกินไตรมาส 3 นี้ เนื่องจากรัฐบาลมีเม็ดเงินสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่เหลืออยู่ราว 1.3-1.4 แสนล้านบาท ที่ทำการผูกพันงบประมาณไว้ ต้องใช้ภายในปีงบประมาณ 2568 หรือภายในสิ้นเดือนกันยายน 2568 ส่วนจะเป็นช่วงเวลาไหนของในไตรมาส 3 ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง วงเงินที่เหลืออยู่ เป็นกรอบวงเงินที่รวมอยู่ในโครงการเฟส 3 และเฟส 4 ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจไทยมีการเติบโต ซึ่งปีนี้กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ไว้ที่ 3% ต่อปี และเชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้า” นายจุลพันธ์กล่าว
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมียนมา จนส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายภูมิภาคของไทย รวมถึง กรุงเทพฯ จนอาคารบ้านเรือน และตึกสูงสั่นไหวนั้น ส่งผลกระทบให้ทุกคนทั้งแขกคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องออกมารอด้านนอกตัวอาคาร และรอเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีการแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานภาครัฐถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันความปลอดภัย รวมถึง สามารถเข้าอาคารได้หรือยัง เนื่องจากภาคเอกชนไม่สามารถตัดสินใจได้เองเหมือนเหตุการณ์ทั่วไป จึงทำได้เพียงรอเจ้าหน้าที่รัฐประชาสัมพันธ์เท่านั้น
“เหตุการณ์ภัยพิบัติขึ้นเกิดมาตั้งแต่สึนามิครั้งใหญ่ที่ผ่านมา จนเหตุการณ์แผ่นดินไหว น่าจะแรงที่สุดเท่าที่เคยเจอตั้งแต่เกิดมา แต่รัฐกลับไม่มีการตั้งศูนย์บัญชาการเพื่อเตือนเหตุ และการสื่อสารที่รวดเร็วให้ประชาชนทราบ” นายเทียนประสิทธิ์กล่าว
นายเทียนประสิทธิ์กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะอาคารถล่มในเขตจตุจักร จะซ้ำเติมจากเหตุการณ์ความไม่เชื่อมั่นจากเหตุการณ์คอลเซ็นเตอร์ และนักแสดงชาวจีนถูกหลอกไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม จะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น และแรงที่สุด ขณะนี้อัตราการจองห้องพักล่วงหน้าในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 50-60% และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เงียบเหงา แต่ขอรอติดตามประเมินสถานการณ์อีก 1-2 วันต่อไป