คลังเปิดมาตรการเยียวยาแผ่นดินไหว แบงก์รัฐ ‘พัก-ลดหนี้-ดอกเบี้ย’ ลูกค้าบุคคล-เอสเอ็มอี
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการตามแถลงการณ์ของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า มีมาตรการที่สำคัญของกระทรวงการคลัง สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อดูแล และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มต่างๆ และผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1.มาตรการขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยกรมบัญชีกลางได้ขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีแผ่นดินไหว) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 76 จังหวัด ซึ่งเป็นวงเงินในอำนาจของอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) 200 ล้านบาท สำหรับใช้จ่ายด้านการดำรงชีพและด้านการปฏิบัติงาน
นายพรชัยกล่าวอีกว่า 2.มาตรการผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือแบงก์รัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมุ่งไปที่การบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้วยการพัก หรือลดการชำระหนี้ และดอกเบี้ยระยะสั้น 3 เดือน – 1 ปี ของลูกค้าบุคคล สินเชื่อบ้าน และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) พร้อมทั้งมาตรการสินเชื่อฉุกเฉินดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่อง และสินเชื่อเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนที่อยู่อาศัยเดิม
นายพรชัยกล่าวว่า 3.มาตรการด้านการประกันภัย ทั้งนี้ สำนักงานค คปภ.ได้ประสานไปยังสมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันภัยทุกบริษัท เพื่อเร่งติดตามสถานการณ์และให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน ตลอดจนพิจารณาชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว นอกจากนี้ คปภ.ยังได้เปิดบริการสายด่วน คปภ. 1186 เพื่อให้คำปรึกษาผู้เอาประกันภัยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบตลอด 24 ชั่วโมง
“ส่วนกรณีอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ สูง 30 ชั้น ในพื้นที่เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ถล่มขณะอยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้น คปภ.ได้เข้าพื้นที่ประสบภัย พร้อมบริษัทประกัน 4 บริษัท เพื่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ และอยู่ระหว่างประสานขอรายละเอียดส่วนบุคคลของผู้สูญหาย เพื่อค้นหาในระบบฐานข้อมูลของ คปภ.พร้อมแจ้งให้บริษัทประกันภัยให้ความช่วยเหลืออย่างดีที่สุด และ คปภ.อยู่ระหว่างการตรวจสอบฐานะการเงินของบริษัทประกันภัยทั้ง 4 แห่ง เบื้องต้นทราบว่ามีการประกันภัยต่อไปยังบริษัทต่างประเทศ ทำให้ไม่กระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท” นายพรชัยกล่าว
นายพรชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน อยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. ดังนี้ 1.ปรับลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ ให้ต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำที่ ธปท.กำหนดได้ สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน 2.พิจารณาให้วงเงินชั่วคราวฉุกเฉินที่ 3.พิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนเพื่อซ่อมแซม ที่อยู่อาศัย หรือเพื่อประกอบอาชีพ 4.สามารถคงสถานการณ์ลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ และยังไม่ถูกจัดชั้นเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพไว้ตามเดิมก่อนเกิดเหตุสาธารณภัยได้
“ทั้งนี้ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขอให้ประชาชน นักลงทุน และผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่า ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยเข้มแข็ง มีเสถียรภาพ และหน่วยงานภาครัฐพร้อมดำเนินการทุกมาตรการที่จำเป็น เพื่อให้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างรอบคอบ และมีประสิทธิภาพ โดยกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม” นายพรชัยกล่าว