คลัง จ่อออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ทั้งลดค่าโอน-จดทำนอง คู่ผ่อนเกณฑ์LTV หวังดันตลาดโต 9.7% ธอส.ชี้แผ่นดินไหวส่งผลจิตวิทยา
เมื่อวันที่ 2 เมษายน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ กับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นสองภาคส่วนที่มีผกระทบต่อทางเศรษฐกิจไทยสูง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่มีช่วงของการชะลอตัว เพราะฉะนั้นในมิติของภาครัฐ ต้องเข้าไปช่วยเหลือ และกระตุ้นในทั้ง 2 ธุรกิจ โดยในส่วนของอสังหาฯ กระทรวงการคลัง เตรียมออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนองโดยเร็วที่สุด รวมทั้ง ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เตรียมผ่อนปรนมาตรการแอลทีวี ที่จะเริ่มวันที่ 1 พฤษภาคมนี้
“ทั้งนี้ มาตรการที่กำลังเตรียมจะช่วยสนับสนุนให้ภาคอสังหาฯ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้มีการประเมินว่าใน ถ้าหากไม่มีเลย จะส่งผลต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยหดตัวที่ -3.5% ส่วนกรณีถ้ามีหนึ่งมาตรการ จะขยายตัว 1.6% และถ้ามีสองมาตรการ จะขยายตัว 9.7% เช่นเดียวกับ ฝั่งซัพพลายหรือความต้องการขาย นั้น มาตรการจะส่งผลผู้ประกอบการ วางแผนการลงทุนยูนิตขายใหม่มากขึ้น โดยถ้าหากไม่มีมาตรการเลย การเพิ่มขึ้นของยูนิตใหม่ หดตัวที่ -0.8% ถ้ามีหนึ่งมาตรการ จะขยายตัวที่ 16.8% และถ้ามีสองมาตรการ จะขยายตัวที่22.6%”นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากกรณีแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นเรื่องทางจิตวิทยา ทำให้ผู้ที่กำลังยื่นกู้ซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ ห้องชุดคอนโดมิเนียม ในอาคารสูงตัดสินใจชะลอ หรือมีบางส่วนยกเลิกการยื่นกู้ไปก่อน เนื่องจากอยู่ภาวะที่ผู้กู้ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติภายใน 3 เดือน
นายกมลภพ กล่าวว่า ทั้งนี้สถานการณ์การโอนที่อยู่อาศัย และคอนโดมิเนียม เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว โดยมียอดโอน เฉลี่ยใกล้เคียงสถานการณ์ปกติวันละ 400 ราย หลังจากธนาคารและผู้ประกอบการคอนโดมิเนียม มีการร่วมมือกันเร่งสร้างความเชื่อมั่นตรวจรับรองว่าโครงสร้างอาคารว่า มีความแข็งแกร่งและสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ก็ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นมากขึ้นและกลับมาโอนเป็นปกติ
”ยอมรับว่าในช่วงวันแรก หลังเกิดแผ่นเหตุแผ่นดินไหว มีลูกค้าชะลอการตัดสินใจโอนคอนโดฯ ไปบ้างแต่เป็นแค่ช่วงระยะสั้น และเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาเรื่องการทิ้งใบจองหรือยกเลิกสัญญาอย่างที่กังวลแต่อย่างใด เนื่องจากตอนนี้ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีต่อเนื่องทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์รวมถึงคอนโดคอนโดมิเนียม” นายกมลภพ กล่าว
นายกมลภพ กล่าวว่าทั้งนี้เห็นได้จากยอดการปล่อยสินเชื่อของ ธอส. ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ปล่อยกู้ไปแล้ว 4.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 1.2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบหรือบ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์ที่มีการเติบโตถึง 20% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการลดดอกเบี้ยนโยบาย ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ความต้องการกู้เพื่อซื้อบ้านมากขึ้น
“คาดว่าหลังจากนี้แนวโน้มการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังรัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ออกมา ทั้งมาตรการผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อแอลทีวีซึ่งจะทำให้คนที่ซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สองสามารถกู้ได้เต็ม 100% ตลอดจนมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลืออย่างละ 0.01% สำหรับการซื้อบ้านที่ไม่เกินราคา 7 ล้านบาท” นายกมลภพ กล่าวว่า
นายกมลภพ กล่าวว่า อย่างไรก็ดีธอส.ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แผ่นดินไหว ดังนี้ 1.สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือน 2.สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ ธอส.ให้กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแชม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อราย ต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาทอัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดช่าระเงินงวด และ 3.สำหรับลูกค้าสถานะเอ็นพีแอล ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน