อดีตรมต.-ปลัดอุตฯ ชี้สหรัฐขึ้นภาษีไทย 36% “บอกราคาเผื่อต่อ” แนะไทยตั้งสติเดินหน้าเจรจา

อดีตรมต.-ปลัดอุตฯ ชี้สหรัฐขึ้นภาษีไทย 36% “บอกราคาเผื่อต่อ” แนะไทยตั้งสติเดินหน้าเจรจา

ดร.สมชาย หาญหิรัญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊กกรณี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีไทยเป็น 36% ระบุว่า คำว่า Moral กับ Interest มาใช้กับสหรัฐฯ ไม่ได้ครับ และสหรัฐ วันนี้ประกาศให้โลกรู้ครับว่า เขาต้องการ “ลูกไล่” ไม่ใช่เพื่อน หรือพันธมิตร

USA ประกาศขึ้นภาษีศุลกากร กับประเทศคู่ค้าสำคัญ ถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้ ประเทศไทยโดนเฉลี่ย 36% ในขณะที่จีนโดน 34% เวียดนามโดน 46% และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆเช่น ศรีลังกา 44% บังคลาเทศ 37%  เขมร 49% ปากีสถาน 29% ญี่ปุ่น 24% เกาหลีใต้ 25%  EU 20% อินเดีย 26% แม้แต่ ไต้หวัน 32% อื่นๆ ทุกรายครับ

เหตุที่ไทยโดน 36% นั้น เพราะเขามองว่าภาษีศุลกากรไทย ทั้งในรูปแบบที่เป็น tariff และ non tariff คำนวณแล้วคิดเป็น tariff ที่ 72% ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากบอกราคาเผื่อต่อ

ADVERTISMENT

นี่คือกลยุทธ์การหาผลประโยชน์ โดยการเคาะกะลา ตีเมืองขึ้น หรือวางจุดการต่อรองให้ได้เปรียบใว้ก่อน หรือบอกเผื่อต่อเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ให้ตัวเอง ผมว่าถ้าผมเป็นบริษัทขายอาวุธหรือบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านการเงิน หรือเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ผมจะลงขันให้ Trump  เป็นประธานาธิบดีต่อไม่จำกัดอายุ โคตรคุ้ม

ดูว่าใครจะยอมเสียอะไร เพราะจุดเริ่มต้นการเจรจาต่อรองตั้งไว้สูง นึกถึงไปซื้อของในตลาดที่ต่อราคาได้ พ่อค้ามักจะตั้งราคาสูงปรี๊ดไปก่อน เพื่อให้เราต่อรอง ใครเรียนเศรษฐศาสตร์ในบทที่ว่าด้วย ทฤษฎีเกม ก็จะพอรู้ครับ ว่าคนขายนั้นอยากได้ราคาที่สูงที่สุด เท่าที่คนซื้อจะจ่ายได้ ในขณะที่คนซื้อก็อยากจะจ่ายต่ำที่สุดเท่าที่คนขายจะรับได้ แต่วันนี้คนขายเริ่มตั้งราคาสูงมากจนเลย ราคาที่คนซื้อจะรับได้

ADVERTISMENT

ดังนั้น สิ่งแรกที่คนซื้อทำในการต่อรองราคา ก็คือต้องไม่ตกใจจนเกินไปในการต่อรองราคาและอย่าเสนอราคาที่เราจะจ่ายได้เต็มที่ แต่จะต้องตั้งสติ และพยายามมองหาราคาที่เขาจะรับได้ต่ำสุด แล้วในที่สุดราคาก็จะตกลงกันตรง ระหว่างราคาสูงสุดที่เราจะจ่ายได้ และราคาที่ต่ำสุดที่เขาจะรับได้ หากตกใจ จนขาดสติ ในการเจรจาต่อรองแล้ว จะจบที่ราคาสูงสุดเท่าที่เราจะรับได้ ซึ่งคนขายก็จะได้กำไรมหาศาล

นึกถึงวิชานี้ ไม่ได้สอนมาสามปีละนิ แต่ก็ยังมองเห็นสถานการณ์แบบนี้ตั้งแต่นั่งบนโต๊ะเจรจา FTA มาเป็นสิบปี ผมยังบอกว่าหลักเศรษฐศาสตร์ สามารถใช้ได้กับทุกเรื่องจริงๆ เพียงแต่เราต้องเข้าใจ เศรษฐศาสตร์อย่างแท้จริงว่ามันไม่ใช่แค่ demand และ Supply และสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่มันคือเรื่อง “ใจ” ล้วนๆ

ดังนั้นคำว่า Preferences เป็นหัวใจสำคัญในเรื่องนี้ ต้องอ่านใจสหรัฐว่าอะไรคือ Preferences  ของคุณทรัมป์ และสหรัฐฯ ผมว่างานนี้คงจบด้วย สหรัฐได้ “ลูกไล่” อีกหลายราย หรือ BRICs คงแข็งแกร่งขึ้นอีกเยอะครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image