ผู้ค้าข้าวโอด ไทยโดนภาษีหนัก 36% ดันหอมมะลิพุ่ง 1,400 เหรียญต่อตัน หวั่นกระทบเป้า ชี้ส่งออกรวมเริ่มเจอมรสุมหนักตั้งแต่Q2
เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า หลังจากทราบผลประกาศที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าหลายประเทศเพิ่มขึ้น โดยประเทศไทยถูกเรียกเก็บสูงถึง 36% ถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และจากการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้การส่งออกข้าวของไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยที่มีสัดส่วนในตลาดสหรัฐปี 2567 ที่สูงกว่า 850,000 ตัน และราคาปกติเฉลี่ยตันละ 900-1,000 เหรียญ เมื่อถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 36%จะทำให้ราคาข้าวหอมมะลิไทยในตลาดสหรัฐขึ้นเป็น 1,400 เหรียญทันที เป็นราคาสูงมากเมื่อเทียบกับข้าวหอมเวียดนามที่มีการนำเข้าเฉลี่ยต่อปี 40,000 ตันเท่านั้น
“แม้เวียดนามจะถูกเรียกเก็บภาษีสูงกว่าไทยอยู่ที่ 46 % แต่ราคาข้าวหอมเวียดนามเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 600-700 เหรียญเท่านั้น ทำให้ผู้บริโภคน่าจะลดการซื้อข้าวหอมมะลิไทยและหันไปซื้อข้าวหอมเวียดนามแทนเพิ่มขึ้น”
นายชูเกียรติกล่าวว่า นอกจากนี้ หลังอัตราภาษีใหม่ของสหรัฐได้ประกาศออกมาแล้ว คงต้องมาติดตามดูว่าจะเรียกเก็บภาษีทันทีเมื่อใด ดังนั้นภาคเอกชนขอดูผลกระทบต่างๆก่อน แต่ก็อยากให้หน่วยงานภาครัฐเร่งหาทางช่วยเหลือหรือเจรจากับสหรัฐเป็นการเร่งด่วน เพื่อลดผลกระทบให้กับภาคเอกชนต่างๆด้วย
หากดูปริมาณการนำเข้าข้าวหอมมะลิในตลาดสหรัฐในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากมีกระแสข่าวที่จะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในหลายประเทศ ทำให้ผู้ค้าข้าวในตลาดสหรัฐนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยไปแล้วกว่า 100,000 ตัน แต่หลังราคาข้าวเพิ่มแรงส่งออกตากนี้จะยากลำบากขึ้น อาจกระทบเป้าหมายส่งออกทั้งปีนี้ที่ 7.5 ล้านตัน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคตหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมคงกระทบการส่งออกในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป
“การเจรจาต่อรอง จะมีความสำคัญอย่างยิ่งและช่วงเวลาที่ผ่านมา ภาคเอกชน มีการเตรียมข้อมูล เพื่อไว้เจรจาต่อรอง ส่งให้กับทางรัฐบาลแล้ว” นายวิศิษฐ์ กล่าว