คณิศ ชี้ภาษีทรัมป์ทุบจีดีพีโลก ห่วงสินค้าถูกจากจีน-อินเดียทะลักเข้าประเทศอื่น
ดร.คณิศ แสงสุพรรณ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และอดีตกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) ประเมินผลกระทบและแนวทางการตอบโต้จากการขึ้นภาษี 36% ของ นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
โดยผลกระทบภายในประเทศสหรัฐอเมริการะยะสั้น (1-12 เดือน) อัตราเงินเฟ้อจะสูง จะเกิดการหดตัวปริมาณสินค้าในระบบ รวมทั้งกำลังซื้อประชาชนลดลงเนื่องจากรายได้แท้จริงลดลง ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้จริงสูงขึ้น และมูลค่าในตลาดหุ้นลดลง ทางที่จะบรรเทาคือการลดภาษีภายในประเทศ และการลดราคาน้ำมัน ( เร่งผลิตพลังงาน) จุดเปลี่ยนสู่ระยะปานกลาง ต้องใช้เวลา 8-12 เดือน กว่าที่จะเกิดการผลิตทดแทนการนำเข้าอย่างที่ตั้งใจไว้โลก ขณะที่ผลกระทบนอกประเทศสหรัฐอเมริกา
1. ผลกระทบ
-การส่งออกสินค้าของทุกประเทศจะลดลง จีดีพีหดตัว และจีดีพีโลกจะลดลงในระยะสั้น
-มีข้อสังเกตที่อัตราภาษีการตอบโต้ของสหรัฐฯ สำหรับ LDCsสูงกว่า DCs และแม้แต่จีนมาก ผลกระทบต่อ LDC ก็เช่นกัน(ลาว 48% ไทย 36% จีน 34% EU 20%) ดังนั้น ต้องระวังความไม่สมดุลของภาวะเศรษฐกิจมหภาคใน LDC โดยเฉพาะเศรษฐกิจขนาดเล็กที่พึ่งพารายได้การส่งออก
-คาดว่าจะมีการไหลล้นของสินค้าส่วนเกิน (เช่นจากจีน อินเดียและสหภาพยุโรป)ที่เคยส่งไปสหรัฐอเมริกาส่งไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งในปริมาณการส่งออกที่มากในราคาถูก (Beggar ThyNeighbor) ซึ่งอาจเกิดการตอบโต้ป้องกันการไหลบ่าของสินค้านำเข้าในประเทศนอกสหรัฐอเมริกากันเอง
2. การตอบโต้
-อย่างน้อยที่สุด คงมีการคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของสหรัฐ(Teslaและอื่น ๆ) อย่างดุเดือดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน อินเดีย สหภาพยุโรปและอาเซียน ที่ได้รับผลกระทบ
-ประเทศนอกสหรัฐอเมริกา จะมองหาทางออกในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง การค้าในภูมิภาค เช่น AFTA RCEP ในขณะที่เวทีเอเชีย-แปซิฟิก ที่สหรัฐจัดตั้งไว้จะหมดบทบาท
-จีนและสมาชิกบริกส์จะผลักดันอย่างหนักเพื่อเป็นทางเลือกในการตอบโต้การตอบโต้ทางภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ
-ในระดับโลก WTO ที่ไม่นับรวม USA อาจเป็นทางเลือกให้กลไภการกำกับดูแลการค้าโลก เดินต่อได้ ซึ่งจะช่วยกำกับดูแลการค้าเพื่อการพัฒนา (ไม่ใช่การค้าเสร็)ของ 85% การค้าโลก ในแบบของ WTO ที่แม่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นหางเลือกที่พอทำได้เร็ว