พาณิชย์ คาดทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า ฉุดส่งออกไทยปีนี้วูบ 8.8 แสนล. เปิด 3 แนวทาง เจรจามะกัน

พาณิชย์ คาดทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า ฉุดส่งออกไทยปีนี้วูบ 8.8 แสนล. เปิด 3 แนวทางเจรจามะกัน

เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ประกาศปรับขึ้นภาษีตอบโต้( Reciprocal Tariff) ไทยในอัตรา 36% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 9เม.ย.นี้ว่า ว่ายอมรับว่าตกใจที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าไทยสูงกว่าที่คาด สาเหตุที่อาจจะเกิดจากสหรัฐมีการนำประเด็นเรื่องความไม่เป็นธรรมทางการค้า และการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีที่ไทยใช้สหรัฐฯเข้ามารวมด้วย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมแผนเจรจาต่อรองในช่วงที่ภาษียังไม่มีผลบังคับใช้แล้ว รอแค่ว่าสหรัฐฯ จะรับนัดเมื่อไร ขอให้ทุกฝ่ายอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เรายังมีความหวังที่จะต่อรองได้ รวมทั้งการขึ้นภาษีครั้งนี้ก็เป็นการขึ้นภาษีกับประเทศต่างๆ ทั้งโลก

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ถือว่าเกินความคาดหมายสำหรับไทย โดยอัตราภาษีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเอกสารตอนแถลงข่าวอยู่ที่ 36% แต่ในเอกสารประกอบคำสั่งฝ่ายบริหารอยู่ที่ 37% แต่ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ยังมีเวลาที่ไทยจะเจรจาต่อรองได้ โดยไทยพร้อมที่จะเจรจาทุกเมื่อ รอเพียงให้สหรัฐฯ รับนัดมา ถ้าเดินทางไปไม่ทัน ก็จะมีทีมไทยแลนด์ ที่เป็นเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอชิงตัน ดีซี. เป็นหัวหน้าคณะ แต่หากมีเวลาเดินทางไป รมว.พาณิชย์จะเป็นหัวหน้าคณะไปเจรจาเอง

“ก่อนหน้านี้คาดว่าถ้าสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ไทย 11% การส่งออกจะเสียหาย 7,000-8,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 1 ปี แต่ขณะนี้สหรัฐขึ้นภาษีเราสูงถึง 37% ก็อาจจะทำให้การส่งออกเสียหาย 25,000-26,000 ล้านเหรียสหรัฐ หรือราว 850,000-884,000 ล้านบาท หากไทยไม่ทำอะไรเลย แต่ถ้าเจรจาต่อรองแล้ว เป็นผลสำเร็จ ก็อาจไม่เกิดความเสียหาย หรือเสียหายลดลง ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายขยายตัว 2-3% หรือไม่ จะต้องรอดูผลการเจรจาอีกครั้ง”

ADVERTISMENT

สำหรับแนวทางการเจรจากับสหรัฐฯ 1.ไทยจะลดภาษีสินค้านำเข้าสินค้าบางรายการให้กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าอยู่แล้ว แต่นำเข้าจากแหล่งอื่น อย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง รวมถึงเพิ่มการลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐฯ 2.เพิ่มปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ยังไม่เคยนำเข้าจากสหรัฐฯ 3.ลดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าของสหรัฐฯ โดยมั่นใจว่า จะเจรจาต่องรองกับสหรัฐฯ ได้ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่การเจรจาด้านการค้าสินค้าเท่านั้น แต่จะทำทุกมิติ ทั้งการค้าบริการที่สหรัฐฯ ได้ดุลไทยจำนวนมาก การลงทุน การเป็นพันธมิตรที่ดี และหากให้คะแนนความสำเร็จ ถ้าได้เจรจากัน น่าจะได้ถึง 7-9 เต็ม 10

นายวุฒิไกรกล่าวว่า จากการประเมินเบื้องต้น พบว่า สินค้าไทยที่จะได้รับผลกระทบมาก จะเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่าสูง โดยสินค้า 15 อันดับแรกที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มาก ได้แก่ 1.โทรศัพท์มือถือ 2.ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 3.ยางรถยนต์ 4.เซมิคอนดักเตอร์ 5.หม้อแปลงไฟฟ้า 6.ชิ้นส่วนอุปกรณ์การพิมพ์ 7.ชิ้นส่วนรถยนต์ 8.อัญมณี 9.เครื่องปรับอากาศ 10.กล้องถ่ายรูป 11.เครื่องปริ้นเตอร์ 12.วัตถุดิบอาหารสัตว์ 13.แผงวงจรอิเลกทรอนิกส์ 14.ข้าว และ 15.ตู้เย็น

ADVERTISMENT

ส่วนการพิจารณามาตรการเยียวยาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จะมีการหารือกับนายพิชัย ชุณหชวิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เช่น อาจจะมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยจะกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย และมีการส่งออกไปสหรัฐฯ เพราะตัวเลขพวกนี้ มีข้อมูล มีสถิติชัดเจนอยู่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image