ทิศทางคริปโทฯหลัง “ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก
นายชานน จรัสสุทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวเอ็กซ์ จำกัด (FWX) กล่าวถึง คริปโทฯ อ่อนแรงชั่วคราว หรือสัญญาณก่อนพายุใหญ่ หลัง “ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก นั้นว่า ตลาดคริปโทฯ ปรับฐาน 1–3% หลังทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้เข้าสู่ภาวะ Risk-Off รับแรงกดดันจากสงครามการค้าทรัมป์ 2.0 ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเผชิญแรงขายระยะสั้น หลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากนานาประเทศทั่วโลกอย่างเป็นทางการเมื่อคืนที่ผ่านมา (ตามเวลาไทย) ส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลหลักอย่าง Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) และ Solana (SOL) ปรับตัวลดลงในกรอบ 1–3% ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงแรงสะเทือนจากนโยบายภาษีดังกล่าว สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อการกลับมาของ “สงครามการค้าทรัมป์ 2.0” ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงเชิงมหภาคชุดใหม่ที่ตลาดทั่วโลกต้องจับตา
ผลกระทบ: สายฟิวเจอร์เจ็บหนัก
ข้อมูลจาก Coinglass ระบุว่า มีนักลงทุนกว่า 160,000 รายถูกล้างพอร์ต (liquidation) ในตลาด Futures คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในวันเดียว โดยแรงขายส่วนใหญ่เกิดจากนักลงทุนที่ใช้ leverage สูง ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากความผันผวนของราคา นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของทรัมป์กำลังจุดชนวนให้ตลาดทั่วโลกเข้าสู่ “de-risking mode” โดยมีการลดความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น หุ้นเทคโนโลยีและคริปโทฯ ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์อีกกลุ่มกลับมองว่า หากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินและนโยบายการเงินในประเทศต่าง ๆ อาจกลับมาสร้าง Demand ให้กับ Bitcoin ในฐานะ “สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง” คล้ายทองคำ โดยเฉพาะในตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง
เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ “โหมดระวังภัย”
การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าทั่วโลกไม่ได้กระทบแค่การค้า แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงินแบบรวมศูนย์ นักลงทุนที่ถือครองตราสารอนุพันธ์หรือสินทรัพย์เสี่ยงในระดับสูงเริ่มทยอยลด Leverage และกระจายพอร์ตเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น เงินสดหรือพันธบัตรระยะสั้น ตลาดคริปโทฯ ซึ่งมีลักษณะผันผวนสูงโดยธรรมชาติ จึงถูกเทขายในระลอกแรกของการ “ป้องกันความเสี่ยง” โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนสถาบันหรือ Algo Trading ที่ตอบสนองต่อข่าวสารเชิงลบในเชิงเทคนิคโดยอัตโนมัติ
ฝั่งเทคนิค: ยังไม่พัง แต่ต้องระวัง
Bitcoin (BTC) ยังคงยืนเหนือแนวรับทางจิตวิทยาที่ $80,000 ได้ ถือว่า “ทรงตัวในขาลง” ได้ดี แต่หากหลุด $78,000 อาจมีแรงเทขายเร่งเข้ามา Ethereum (ETH) การหลุด $1,850 สะท้อนสัญญาณอ่อนแรงระยะสั้น โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ $1,780 หากหลุดระดับนี้ อาจเห็นการปรับฐานลึกลงสู่ $1,650 Solana (SOL) อยู่ในโซน sideway-down แรง หากราคาร่วงต่ำกว่า $115 อาจจุดชนวน stop loss เพิ่มขึ้นจากฝั่งนักเทรดสายสั้น
โอกาสหรือแค่ภาวะชะงักชั่วคราว?
แม้ภาวะตลาดในระยะสั้นจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่หลายฝ่ายยังเชื่อว่า หากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินในครึ่งหลังของปี 2025 ตามที่คาดการณ์ไว้ ตลาดคริปโทฯ อาจเริ่มฟื้นตัวจากระดับฐานใหม่ได้อีกครั้ง ในอดีต ข่าวลบเชิงมหภาค เช่น โควิด-19, วิกฤตธนาคารสหรัฐฯ หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ มักส่งผลให้ราคาคริปโทฯ ร่วงในระยะสั้น แต่กลับกลายเป็นโอกาสการสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวเสมอ
บทสรุป
ตลาดคริปโทฯ ยังคงตั้งรับกับความผันผวนที่เกิดจาก “นโยบายทรัมป์รอบสอง” ที่เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างจริงจัง แรงกดดันด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศอาจไม่ใช่ตัวแปรเดียวที่กำหนดทิศทางราคา แต่เป็นจุดเริ่มต้นของ ช่วงเวลาแห่งบทพิสูจน์สำหรับคริปโทฯ ว่าจะเป็นเพียง “สินทรัพย์เสี่ยง” ในสายตาตลาด หรือก้าวขึ้นสู่บทบาท “เครื่องมือป้องกันความไม่แน่นอน” อย่างที่เคยถูกคาดหวัง
บทความนี้เป็นการวิเคราะห์จากมุมมองส่วนบุคคลของผู้เขียน เพื่อให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ มิใช่คำแนะนำในการลงทุนโดยตรง (Not Financial Advice – NFA) ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น คริปโทเคอร์เรนซี