อสังหาฯ ชี้ ภาษีทรัมป์ เอฟเฟ็กต์จีดีพีไทยโตต่ำ ต้นทุนก่อสร้างแพง กำลังซื้อต่างชาติหาย
เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่เก็บในอัตรา 36% ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะผันผวนหนัก ซึ่งสหรัฐเป็นตลาดใหญ่ของไทยในการส่งออก หากการเจรจาต่อรองแก้ไขสถานการณ์การถูกขึ้นภาษีครั้งนี้ออกมาไม่เป็นผลดี การส่งออกของไทยอาจชะลอตัวซึ่งส่งผลให้ GDP ของประเทศไม่เติบโตตามเป้าหมาย ผลจะเกิดขึ้นกับอสังหาริมทรัพย์ คือ
1.อาจมีผลกระทบในด้านลบเพราะคนทำงานในภาคผลิตและส่งออก อาจมีรายได้ลดลง คนกลุ่มนี้จะมีกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ลดลง
2.เงินบาทอาจอ่อนค่าลง เพราะการพยายามผลักดันชดเชยการหดตัวของการส่งออกให้ได้ สินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐจะแพงขึ้น ทั้งจากค่าเงินไทยที่อ่อนลง และจากต้นทุนการผลิตในสหรัฐเอง ซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบจากทั่วโลกสูงขึ้น สินค้านำเข้าจากสหรัฐประเภทเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างใช้สำหรับการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ โครงสร้างพื้นฐาน
เช่น Caterpillar John Deere Terex Bobcat เทคโนโลยีอาคารสีเขียว เช่น Tesla Sola, Honeywell, Johnson Controls, 3M วัสดุก่อสร้างพรีเมียม เช่น สี Sherwin Williams แผ่นฉนวน Owens Corning แผ่นยิปซัมกันไฟ Georgia Pacific ฝ้าเพดาน Armstrong Acoustic ระบบความปลอดภัยและอัตโนมัติในอาคารอัจฉริยะ เช่น Schlage, Honeywell, Lutron, GE Current ต้นทุนก่อสร้างก็จะสูงขึ้นทั้งสิ้น
3.ทรัมป์ต้องการให้โรงงานสหรัฐที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ทั่วโลกย้ายกลับไปยังสหรัฐ หากโรงงานผลิตสัญชาติสหรัฐที่ตั้งฐานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมไทยย้ายกลับไปจะส่งผลต่อการลดการจ้างงานและที่อยู่อาศัยอีก แต่อาจจะมีโอกาสน้อย เพราะการย้ายฐานการผลิตกลับไปที่สหรัฐต้นทุนการผลิตสูงมาก
4.หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากสงครามการค้าครั้งนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยน้อยลง ตัวอย่างเช่น ประเทศจีนเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีคนจีนก็ออกท่องเที่ยวทั่วโลกน้อยลง และซื้อคอนโดมิเนียมไทยน้อยลง ส่งผลต่อ GDP ไทย กำลังซื้อคอนโดมิเนียมจากคนต่างชาติอาจชะลอตัวลงบ้าง
“ทางออกนอกจากการเจรจาต่อรองแล้วยังต้องหาคู่ค้าใหม่เพิ่มเติม และหาสินค้าทดแทนการนำเข้าจากประเทศอื่น เพื่อประคองด้านต้นทุนด้วย” นายสุนทรกล่าว
