รมว.คลัง ชี้ไทยต้องนำเข้าสินค้าจากมะกันมากขึ้น บาลานซ์ความได้เปรียบดุลการค้าให้ลดลง
เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับตัวแทนจากรัฐและเอกชนว่า สหรัฐส่งสัญญาณให้ประเทศต่างๆ มีการนำเข้าสินค้าสหรัฐมากขึ้น เพื่อลดการเสียเปรียบทางการค้าของสหรัฐ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศไทย 36% และต่อมาเป็น 37% นั้น
“ประเมินเบื้องต้นหากไม่มีมาตรการหรือแผนรองรับเลย การขึ้นภาษีของสหรัฐอาจส่งผลให้การขยายตัวของจีดีพีไทยปี 2568 ลดลง 1% เพราะฉะนั้น ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน จึงเร่งดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยไม่ให้มีผลกระทบต่อจีดีพี” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐราว 70% เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะเข้าไปดูคือทำให้สัดส่วนการได้เปรียบดุลการค้าไทยลดลง ส่วนแรกคือการนำเข้าจากสหรัฐมากขึ้น มองไปที่การนำเข้าเพื่อบริโภคทดแทนการนำเข้าจากประเทศอื่น และนำเข้าวัตถุเพื่อการผลิตและการส่งออก โดยที่ประเทศไทยก็ยังคงรักษาการส่งออกไว้ได้ โดยสินค้าที่จะมีการพิจารณานำเข้าจากสหรัฐมากขึ้น อาทิ ข้าวโพด ปลาทูน่า ซึ่งไทยแปรรูปสินค้าเหล่านี้เพื่อส่งออกจำนวนมากอยู่แล้ว
นายพิชัยกล่าวว่า ขณะการส่งออก จะทำมาตรการเรื่องออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้ามากขึ้น เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการผลิตจากในประเทศไทยจริง ที่ผ่านมาบางสินค้าไม่สามารถรับรองว่าผลิตจากไทยก็ถูกเรียกเก็บภาษีมากขึ้น เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แผงโซลาร์เซลล์ เป็นต้น รวมทั้งจะทบทวนมาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff barriers) ซึ่งเดิมไทยมีมาตรการเหล่านี้ เพื่อป้องกันบางสินค้าไม่ให้กระทบกับการผลิตในประเทศ เช่น กรณีรถมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ตั้งภาษีสูงถึง 60-80% จนทำให้สหรัฐไม่ส่งออกรถฮาร์เลย์มาไทยแล้ว เพราะฉะนั้นไทยก็ไม่จำเป็นต้องตั้งภาษีสูงอีกต่อไป เพราะกำแพงภาษีเหล่านี้อาจทำให้สหรัฐกังวลเรื่องภาษีของไทย
“มอบการบ้านให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว คาดว่าจะมีรายละเอียดพร้อมไปเจรจากับรัฐบาลของสหรัฐภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ แผนรับมือในครั้งนี้เรามุ่งไปที่การรักษาสมดุลสัดส่วนการขาดดุลสหรัฐ ไม่ได้หมายถึงการลดการส่งออก แต่เป็นการนำเข้าเพิ่มขึ้น ไปพร้อมๆ กับยังคงสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถการส่งออกของไทย เนื่องจากการส่งออกยังเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างมาก” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า การที่เรานำเข้าเพิ่มพร้อมกับส่งออกได้มากขึ้นด้วย จะช่วยลดช่องว่างการขาดดุลให้แคบลงได้ ถือเป็นวิน-วิน โซลูชั่น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก แต่เราจะต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส รวมทั้งเรายินดีที่จะปรับสมดุล และสร้างความสัมพันธ์เป็นคู่ค้าที่ดีกับสหรัฐ รวมทั้งประเทศอื่นๆ