ตลาดแอร์ไทย อ่วมกำแพงภาษีทรัมป์ สินค้าจีน ทะลักไทย จี้ รัฐหามาตรการประคองอุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายสมศักดิ์ จิตติพลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศยี่ห้อ “ซัยโจเด็นกิ” เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐต่อประเทศไทยนั้นมี 2 เด้งและเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเด้งแรกเป็นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการจากทุกประเทศในอัตราร้อยละ 10 บังคับใช้แล้ววันที่ 5 เมษายน 2568 และเด้งที่สองเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการเป็นรายประเทศ สำหรับประเทศที่สหรัฐมีการขาดดุลการค้าด้วยสูง โดยไทยถูกกำหนดภาษีในอัตราร้อยละ 36 จะมีผลวันที่ 9 เมษายนนี้ คาดว่าน่าจะส่งผลอย่างรุนแรงมากขึ้นหลังจากนี้ทั้งต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากผู้ผลิตที่ส่งออกจากประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตจากประเทศจีน เมื่อถูกตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสูงขึ้น จะทำให้สินค้าจีนที่เคยส่งออกไปสหรัฐจะถูกระบายมาขายในประเทศไทยแทน ไม่ใช่เฉพาะเครื่องปรับอากาศ ยังมีสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ผู้ผลิตไทยจะถูกสินค้าจีนทุ่มตลาดมากยิ่งขึ้น กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศและอาจจะเห็นการปิดโรงงานและเลิกจ้างงานได้ในระยะถัดไป
“รัฐบาลต้องตั้งรับให้ดี เร่งเจรจาเพื่อหาทางออก ขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการประคับประคองและเลือกดำเนินการเฉพาะบางรายที่เป็นคนไทยจริงๆ ไม่ใช่มาตรการเหมาเข่ง เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยอยู่ได้ภายใต้เศรษฐกิจที่ท้าทายในปัจจุบัน เช่น มาตรการภาษีด้านต่างๆ อย่างไรก็ตามถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ จะทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอยเหมือนกับสหรัฐก็ได้ เพราะผลจากที่ทรัมป์ขึ้นภาษีทั่วโลก จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ต้นทุนสินค้าราคาแพงขึ้น และภาวะเงินฝืดตามมา” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับตลาดเครื่องปรับอากาศไทยในปัจจุบัน มีการสูญเสียตลาดให้กับกลุ่มทุนจีนมานานหลายปีแล้ว ทั้งแบรนด์เครื่องปรับอากาศจีนที่เข้ามาทำตลาดและสร้างโรงงานผลิตในไทย รวมถึงการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ต่างๆ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น บอร์ดไฟฟ้า สายไฟ ทองแดง เป็นต้น ก็ล้วนเป็นของจีนทั้งหมด และมีการกำหนดราคาที่ต่ำกว่าของไทยเยอะมาก ทำให้หลายปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการปิดกิจการไปจำนวนมากเช่นกัน ทั้งนี้รูปแบบการเข้ามาทำธุรกิจของจีนจะทำเองทั้งหมด ไม่มีการจ้างงานคนไทย