น.ส.ฉัตรแก้ว เกราะทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนบริษัทมองว่าในจังหวะนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถือว่ามีความน่าสนใจ เนื่องจาก ค่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องจากส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐอเมริการและญี่ปุ่น อีกทั้งสหรัฐอเมริการยังเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้จะยิ่งทำให้มีส่วนต่างเพิ่มขึ้นอีก ทั้งหมดนี้จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นและบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่น โดยสถิติแล้ว เมื่อเงินเยนอ่อนค่า 10 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 7-8%
นอกจากนี้ ยังมีเม็ดเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญของญี่ปุ่นที่เตรียมเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)เตรียมเข้าซื้ออีทีเอฟเพิ่ม อีกทั้ง บริษัทจดทะเบียนยังเตรียมจ่ายเงินปันผลทั้งหมดนี้จะทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดทุนซึ่งเม็ดเงินทั้งหมดคิดเป็นประมาณ 4% ของมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทั้งนี้กรณีที่นักลงทุนเข้าลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นที่ดัชนีประมาณ 19,000 จุด นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 8-9% จากดัชนีเป้าหมายที่ทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่าดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับ 20,700 จุดที่พีอี 19 เท่า ได้ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงมีความผันผวนบริษัทจึงเลือกออกกอง กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนอิควิตี้อินเด็กซ์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ มีกลยุทธ์มุ่งให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก (Passive Management)และเคลื่อนไหวไปตามดัชนีชี้วัด มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกที่ 2,000 บาทเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 22-29 มีนาคมนี้
