กลุ่มยานยนต์ รอติดตาม ผลไทยเจรจาสหรัฐฯ- ชี้เร็วไปที่จะประเมินผลกระทบส่งออกยานยนต์ไทย
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สำหรับผลกระทบจากการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศไทยจะถูกเรียกภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 37% นั้น ขณะนี้ ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบต่อการส่งยานยนต์ไทยมากน้อยแค่ไหน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การประเมินส่งออกยานยนต์ของไทยคงต้องใช้เวลา เพราะยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทั้งการตอบโต้การเจรจาการค้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ทาง กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ยังไม่ได้มีข้อสรุปทั้งมาตรการการเยียวยาหรือการเตรียมรับมือที่เป็นรูปธรรมในตอนนี้ เนื่องจากก็ต้องติดตามผลที่ชัดเจนของการที่รัฐบาลไทยไปเจรจากับทางสหรัฐฯก่อน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งถูกประกาศเก็บภาษีจากสหรัฐฯในอัตรา 25% ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2568 ส่วนยาและผลิตภัณฑ์ทางเภสัชยังไม่ได้ มีการประกาศที่ชัดเจน ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อเนื่อง ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตามปกติอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันอยู่แล้วทั่วโลก ซึ่งการที่ นายทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีในอัตรา 25% ก็ค่อนข้างกระทบกับหลายประเทศทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย เพราะหลายประเทศก็โดนเก็บอัตราเท่ากันคือ 25% เฉพาะกลุ่มสินค้ายานยนต์ ยกเว้น ประเทศเม็กซิโกและประเทศแคนาดา จะอยู่ที่ 15% ตามข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา
อย่างไรก็ตาม นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งนี้ มีผลต่อการส่งออกทำให้หลายสินค้ารวมถึง ยานยนต์ ชะลอลงแน่นอน และอาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก หุ้นตก มูลค่าการค้าโลกตกลง ส่วนรถยนต์และชิ้นส่วนที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ นั้น ที่น่ากังวลคือ แม้ไทยจะส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนให้กับสหรัฐฯ โดยตรงเพียง 2% และเป็นรถขนาดเล็ก แต่ ประเทศอื่นๆกระทบหนัก ฉะนั้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ในไทยคาดว่าอาจต้องเผชิญกับการคำสั่งซื้อที่ลดลง
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนอาจจะไม่ได้มีข้อเสนอแนะอะไรมากสำหรับการเจรจากับสหรัฐฯ เพราะเชื่อว่าทางรัฐบาลมีเป้าหมายและข้อมูลที่พร้อม เช่นเรื่องกรมศุลกากรคิดภาษีรถยนต์นำเข้า ในอัตรา 80% ซึ่งสหรัฐฯก่อนหน้านี้เก็บที่ 2.5% ตรงนี้ก็คงอาจจะมีการเจรจาว่าจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์ของไทยหรือไม่ รวมถึง การเจรจาทั้งการซื้อขายอาวุธต่างๆ ตรงนี้มองว่ารัฐบาลก็น่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการเจรจากับสหรัฐฯในครั้งนี้