สแกมคริปโตในไทยทำไมมิจฉาชีพชอบใช้ Stablecoin

สแกมคริปโตในไทยทำไมมิจฉาชีพชอบใช้ Stablecoin

นายวูการ์ อดิโกซาลอฟ ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ บิตเก็ต แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก วิเคราะห์คริปโตของไทย ว่า แวดวงคริปโตของไทยเผชิญปัญหาซึ่งกำลังสวมหน้ากากอยู่ จากการที่สินทรัพย์ดิจิทัลหรือเหรียญคริปโทฯ ที่มีความมั่นคงสูง( Stablecoin) อย่าง Tether (USDT) ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวเลือก “ปลอดภัย” ในโลกคริปโตที่มีความผันผวนนั้น กลับกลายมาเป็นเครื่องมือที่เหล่ามิจฉาชีพมักเลือกใช้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เรามาหาคำตอบกัน

Stablecoin เป็นเหรียญที่ตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ที่คงที่ เช่น สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีความผันผวนน้อยกว่า Bitcoin หรือ Ethereum ด้วยความเสถียรนี้เอง เมื่อรวมกับการโอนที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เว้นแต่คุณจะเป็นมิจฉาชีพที่ต้องการสิทธิประโยชน์ในแบบเดียวกันนี้ ลองจินตนาการถึงสกุลเงินที่เคลื่อนย้ายง่าย ติดตามยาก และมูลค่าไม่เหวี่ยง ไม่ต่างอะไรจากการมอบรถสำหรับขับหลบหนีให้กับมิจฉาชีพ แถมยังเป็นรถที่ไม่มีวันน้ำมันหมดอีกด้วย

ลองดูตัวอย่างจากสแกมแบบ “เชือดหมู” ที่ขึ้นชื่อ เพราะนี่ไม่ใช่กลโกงฟิชชิ่งทางอีเมลต้มตุ๋นผู้สูงอายุทั่วๆ ไป แต่สแกมเมอร์จะใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการสร้างความไว้วางใจ โดยมักใช้โปรไฟล์ที่สร้างโดย AI หรือ Deepfake ก่อนที่จะโน้มน้าวเหยื่อให้ “ลงทุน” ในแพลตฟอร์มปลอม กว่าเหยื่อจะรู้ตัวว่าถูกหลอก USDT ของตนก็อันตรธานหายไปนานแล้ว เมื่อปีที่แล้ว การหลอกลวงต้มตุ๋นเช่นนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 40% พิสูจน์ให้เห็นว่าสแกมแบบเก่าก็ยังมาในกลอุบายใหม่ๆ ได้

ADVERTISMENT

แต่ข่าวดีก็คือประเทศไทยไม่ได้แค่ยืนดูเฉยๆ เพราะล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ร่วมมือกับตำรวจจีนในการทลายเครือข่ายใหญ่ ยึด USDT มูลค่ากว่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ พร้อมทั้งจับกุมตัวการสำคัญได้อีกด้วย ถึงจะเป็นจุดเริ่มต้น แต่เกมแมวจับหนูก็ยังคงดำเนินต่อไป ในขณะเดียวกัน ก.ล.ต. ของประเทศไทยก็ได้เปิดไฟเขียวให้สามารถเทรด USDT และ USDC ได้ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ซึ่งถือเป็นการขยับที่ทั้งกำกับดูแลและยอมรับว่า Stablecoin ไม่มีทางหายไปไหนได้

สาระสำคัญของเรื่องนี้คืออะไร Stablecoin ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดีโดยเนื้อแท้ แต่จุดแข็งของตัวมันเอง ซึ่งก็คือความเสถียร ความเร็ว และการเข้าถึงได้นั้นกลับกลายเป็นดาบสองคมเสียเอง แม้จะมีนักเทรดที่ทำทุกอย่างถูกต้องซึ่งใช้ USDT เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวน แต่ก็ยังมีมิจฉาชีพที่ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์เดียวกันนี้เช่นกัน

ADVERTISMENT

แล้วบทเรียนคืออะไร ก็คือต้องหูไวตาไวเสมอ แม้ว่าคริปโตจะมีศักยภาพมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน แม้ประเทศไทยเข้มงวดกับข้อบังคับยิ่งขึ้นและปราบปรามผู้ที่กระทำผิด แต่อำนาจที่แท้จริงนั้นก็อยู่ที่ตัวผู้ใช้เอง ซึ่งก็คือการศึกษาหาข้อมูล มีความเอะใจ และคอยระวังสิ่งที่ “ดีเกินจริง” ในระดับที่เหมาะสม ในภูมิทัศน์สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้แต่ตัวเลือกที่เชื่อถือได้ที่สุดก็อาจนำมาซึ่งความท้าทายที่ไม่คาดคิดได้

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฝ้าระวังและประเมินโอกาสดังกล่าวด้วยความรอบคอบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image