‘อิ๊งค์’ หัวโต๊ะถกวันนี้ เคาะแผนรับมือมะกันขึ้นภาษี 36% ‘ศุภวุฒิ’ ชี้เหตุไม่เจรจาก่อน

‘อิ๊งค์’ หัวโต๊ะถกวันนี้ เคาะแผนรับมือมะกันขึ้นภาษี36% ‘ศุภวุฒิ’ ชี้เหตุไม่เจรจาก่อน เล็งซื้อก๊าซ-ข้าวโพดสหรัฐ พาดบันไดรอ ‘ทรัมป์’ ถอย

เมื่อวันที่ 7 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงาน เวลา 13.00 น. วันที่ 8 เมษายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการการค้าสหรัฐอเมริกา ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดย ก่อนหน้านี้ นายกฯออกแถลงการณ์ท่าทีของประเทศไทยต่อนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยที่สหรัฐเรียกเก็บ 36% โดยตอนหนึ่งระบุว่า วันที่ 8 เมษายน คณะกรรมการและทุกหน่วยงานจะสรุปอีกครั้งหนึ่งถึงแนวทางเพื่อผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อสร้างฐานเศรษฐกิจไทยให้มั่นคง แข็งแรง เท่าทันโลก และเพื่อให้ไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักดิ์ศรี

ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมวอร์รูมเกาะติดสถานการณ์ระบุว่า รัฐบาลไทยประเมินสถานการณ์อย่างเป็นระบบมาอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 8 เมษายน เวลา 13.00 น. จะเป็นช่วงที่สรุปผลและกรอบของการเจรจา เพื่อทำให้ประเทศไทยและภาคธุรกิจส่งออกของไทยได้ประโยชน์สูงสุดในการแก้ไขปัญหานี้

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงท่าของของรัฐบาลไทยต่อการขึ้นภาษี 36% ของสหรัฐอเมริกาว่า จากรายงานข่าวของ ไฟแนนเชียล ไทม์ส (Financial Times) ระบุขณะนี้ไม่มีประเทศใดที่เจรจากับสหรัฐเมริกาหลังประกาศขึ้นภาษีสำเร็จสักประเทศ ไม่ว่า อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น ในส่วนของประเทศไทยก็คิดว่าการเจรจาก่อนจะเป็นทางที่ดีเช่นกัน โดย น.ส.แพทองธาร ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของไทยก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี

ADVERTISMENT

ทิศทางนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ประเมินว่า นายทรัมป์มีความตั้งใจจะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนสถานะของอเมริกาให้ไม่เหมือนเดิม ดังนั้น เวลาเราจะสู้ศึก ต้องรู้เขา รู้เรา ประเด็นคือถ้ารีบไปเจรจาตามที่หลายฝ่ายแนะนำ ก็เท่ากับให้ของฟรีกับสหรัฐหมด โดยไม่ได้อะไรตอบแทนเลย เพราะฉะนั้นเราควรเก็บกระสุนไว้ก่อน

นายศุภวุฒิกล่าวว่า ฉะนั้นแนวทางการเจรจาของไทย โดยนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ระบุศักยภาพของไทยคือความสามารถในการแปรรูปอาหารและส่งออกไปทั่วโลก ซึ่งอเมริกาเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่ดีมาก เช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโพด ทำให้ไทยนำเข้าสินค้าเกษตรจากอเมริกาเพิ่ม และแปรรูปให้เป็นอาหารขายทั่วโลก

ADVERTISMENT

นายศุภวุฒิกล่าวว่า ขั้นต่อไปคือดูท่าทีของนายทรัมป์ต่อไป เนื่องจากการประกาศขึ้นภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน และการตอบโต้ของชาติต่างๆ ก็ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงกว่า 2,200 จุด และยังอยู่ในทิศทางขาลง และอาจทำให้สินค้าในสหรัฐแพง แต่นายทรัมป์ยังบอกว่าไม่เป็นไร ขณะที่ทางรัฐบาลไทยก็นำข้อเสนอจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ที่มีรายละเอียดว่าไทยมีภาษีศุลกากรใดเหลื่อมล้ำสหรัฐบ้าง มาทบทวนและปรับให้เทียบเคียงกับสหรัฐมากขึ้น

“กรณีเกาหลีใต้ได้เสนอขอนำเข้าก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจากสหรัฐ ทำให้เกิดการลงทุนโครงสร้างท่อส่งก๊าซนั้น ไทยก็ศึกษาพร้อมแสดงความสนใจนำเข้าก๊าซธรรมชาติด้วย ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้เป็นการที่ไทยพาดบันไดเอาไว้ หากวันไหนสหรัฐถอยเพราะขึ้นภาษีศุลกากรทำให้ประเทศเขาแย่เอง เขาจะถอยมาลงบันไดที่ไทยเราพาดไว้ได้” นายศุภวุฒิกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image