หุ้นไทยดิ่งพสุธา ลบกว่า 51 จุด นักลงทุนเตลิด หลังจีนตอบโต้ภาษีมะกัน ฉุดศก.ไทยวูบตามส่งออก มาตรการพยุงหุ้นยังช่วยไม่ได้
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ดัชนีหลักทรัพย์ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งเป็นวันแรกของสัปดาห์หลังหยุดยาว 3 วัน และมีการออกมาตรการชั่วคราวใช้ช่วง วันที่ 8-11 เม.ย.ก่อนหยุดยาว หลังเผชิญปัญหาทรัมป์ขึ้นดอกเบี้ย
โดยหุ้นเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,125.21 จุด เคลื่อนไหวในแดนลบที่ระดับ 1,073.43 จุด ปรับลดลง 51.78 จุด โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,080.27 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,073.43 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 5,230.98 ล้านบาท
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยปรับลงต่ออย่างรุนแรง โดยความเสี่ยงหลักคือ ภาษีตอบโต้ของสหรัฐที่ยังแรงอยู่ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยร่วงหนักมากตามที่คาดการณ์ไว้ ดัชนีปรับลง 3.15% สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) ซึ่งสหรัฐเก็บไทย 36% และสร้างความกังวลต่อผลกระทบต่อภาคส่งออก การเติบโตของจีดีพี รวมทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยรวมในปี 2568 แรงขายค่อนข้างกระจายในหุ้นหลักๆ เกือบทุกกลุ่ม หลังต่างชาติขายสุทธิหนักถึง 6.4 พันล้านบาท
นายรักพงศ์ กล่าวว่า แรงขายสะท้อนการร่วงแรงมากของหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ หลังจากประเทศจีนตอบโต้สหรัฐ โดยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ 34% ซึ่งทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเพิ่มภาษีกับจีนขึ้นไปอีกในวันที่ 9 เมษายนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ผันผวนมาก เนื่องจากระหว่างเทรดมีข่าวลือว่า ทรัมป์จะเลื่อนการเก็บภาษีไป 90 วัน แต่ทำเนียบขาวได้ปฎิเสธแล้ว ฝั่งในประเทศ นักลงทุนควรติดตามการประชุมของภาครัฐในวันนี้ เพื่อหากลยุทธ์เจรจากับสหรัฐ กรณีภาษีนำเข้าสินค้า รวมทั้งติดตามการตอบสนองของตลาดหุ้นจากการร่วงหนักของตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมีปัจจัยช่วยเข้ามาจากการที่ประกาศมาตรการชั่วคราวเพื่อลดความผันผวนของตลาดหุ้น โดยได้ปรับราคาซิลลิ่งและฟลอร์ของหุ้นจากปกติ บวกหรือลบ 30% เป็นบวกหรือลบ 15% และยังประกาศห้ามชอร์ตเซลเป็นการชั่วคราวด้วย
