หุ้นมะกัน ร่วงติดวันที่ 4 คาดตลาดเอเชียดิ่งตาม รับสภาพสงครามการค้าลาม
หุ้นสหรัฐปิดตลาดลดลงอีกครั้งในวันที่ 8 เมษายน หลังจากเปิดตลาดในแนวบวก ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับอย่างน่าตกตะลึงอีกครั้งจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเปิดการซื้อขายเป็นขาดทุนอีกครั้งในช่วงปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะทำให้กำแพงภาษีสินค้านำเข้ามายังสหรัฐปรับสูงขึ้นหลังเที่ยงคืนวันอังคารนี้ตามเวลาในสหรัฐ
ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 4.1% ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบหลายปี แต่ทุกอย่างสูญเสียไปทั้งหมดและยังลดลงไปอีก 3% ก่อนที่ปรับตัวลงเหลือ 1.6% ทำให้ดัชนีนี้อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเกือบ 19%
ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ลดลง 320 จุด หรือ 0.8% หลังจากลดลงไป 1,460 จุดก่อนหน้านี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 2.1%
การแกว่งตัวที่น่าตกใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการพุ่งขึ้นในช่วงเช้า โดยดัชนีในโตเกียวเพิ่มขึ้น 6%, ปารีสเพิ่มขึ้น 2.5% และเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 1.6% แม้หุ้นส่วนใหญ่จะดีดตัวขึ้นแต่นักวิเคราะห์ยังคงเตือนว่า ตลาดการเงินจะผันผวนขึ้นและลงอีกไม่เพียงแค่ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงในช่วงเวลาอื่นๆ ด้วย
คำถามใหญ่ที่ยังคงมีอยู่คือ ทรัมป์จะคงการเก็บภาษีที่สูงต่อประเทศอื่นๆ ต่อไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งอาจทำให้ราคาสินค้าสำหรับผู้ซื้อในสหรัฐสูงขึ้นและจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าภาษีเหล่านี้ยังคงอยู่เป็นเวลานาน นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนคาดว่าจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ถ้าทรัมป์ลดภาษีลงผ่านการเจรจาได้อย่างรวดเร็ว ก็อาจหลีกลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้
วอลล์สตรีท ยังคงมีความหวังว่าการเจรจาอาจเป็นไปได้ ซึ่งช่วยผลักดันให้ตลาดปรับขึ้นในช่วงเช้า โดยทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารว่าการหารือกับรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ช่วยให้พวกเขาบรรลุขอบเขตและความเป็นไปได้ของข้อตกลงที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศ
ทรัมป์ โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาว่า “ทีมระดับสูงของพวกเขากำลังอยู่บนเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังสหรัฐอเมริกา และทุกอย่างดูจะดี เรายังได้ติดต่อกับประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ ซึ่งทั้งหมดต้องการทำข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกา”
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลายเป็นผู้นนำตลาดโลกในการปรับตัวขึ้นในแนวบวก หลังจากที่นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ได้แต่งตั้งผู้เจรจาการค้าของญี่ปุ่นเพื่อเจรจากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเจรจาครั้งนี้มีพื้นฐานอยู่บนข้อตกลงระหว่างอิชิบะและทรัมป์ เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นระบุ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวัง ซามีร์ ซามานา นักยุทธศาสตร์ตลาดระดับโลกอาวุโสของ Wells Fargo Investment Institute กล่าว เขาชี้ให้เห็นว่า ประเทศสำคัญๆ ยังคงดำเนินมาตรการต่างๆ ต่อไปแทนที่จะลดมาตรการลง โดยจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกประกาศว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุด
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า คำขู่ของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจะกลายเป็นจริงหลังเที่ยงคืน ซึ่งสินค้าที่นำเข้าจากจีนจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 104%
จามีสัน กรีร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวระหว่างให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาว่า มีประเทศต่างๆ ราว 50 ประเทศที่ติดต่อมาแล้ว และเขาได้แจ้งกับคนเหล่านั้นว่า หากคุณมีแนวคิดที่ดีกว่าในการบรรลุข้อตกลงร่วมกันและลดการขาดดุลการค้าของเรา เราต้องการคุยกับคุณ เราต้องการเจรจากับคุณ
สงครามการค้าของทรัมป์เป็นการโจมตีโลกาภิวัตน์ที่หล่อหลอมเศรษฐกิจโลกและช่วยทำให้ราคาสินค้าลดลง แต่ยังทำให้คนงานในภาคการผลิตต้องย้ายไปยังประเทศอื่นด้วย ทรัมป์กล่าวว่าเขาต้องการลดการขาดดุลการค้า ซึ่งวัดว่าสหรัฐนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นมากกว่าที่ส่งออกไปยังประเทศเหล่านั้นมากเพียงใด
เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ดัชนี S&P 500 ลดลง 79.48 จุด เหลือ 4,982.77 จุด ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ลดลง 320.01 จุด เหลือ 37,645.59 จุด และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 335.35 จุด เหลือ 15,267.91 จุด
ขณะที่ราคาน้ำมันโลกทรงตัวหลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีไปก่อนหน้านี้
