ปธ.หอค้า หนุนยกระดับทีมไทยแลนด์ รับมือทรัมป์ ชี้ออเดอร์ใหม่ชะงักรอเจรจา แนะดึงพลังอาเซียนบวก3 พยุงส่งออก
เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากกรณีสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทยอัตรา 36% ว่า ค่อนข้างพึงพอใจกับ 5 แนวทางเจรจาปรับดุลการค้ากับสหรัฐ ที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ ซึ่งตนได้มีโอกาสเข้าพบและพูดคุยกับนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ และนายศุภวุฒิสายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ถึงมุมมองของภาคเอกชนในด้านต่างๆ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาถูกทาง ซึ่งการเตรียมไม่แค่เจรจาเรื่องTariff ยังมี Non-Tariff มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (NTMs) ในหลายด้าน ทั้งสุขอนามัย กฎหมายบังคับใช้ การกำกับสินค้าผ่านแดน เป็นต้น แต่หากจะให้ดี อยากให้ยกระดับเป็นทีมไทยแลนด์ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อดูในภาพรวมและกำหนดแผนงานหรือแนวทางทั้งระบบ ที่มีรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การกำกับดูแลได้ผลมากสุด จากนั้นค่อยตั้งเป็นคณะทำงานย่อยในแต่ละด้าน ทั้งทำข้อมูล ทำแผน และทีมเจรจา ซึ่งแต่ละทีมควรมีตัวแทนภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเข้าร่วม
“ทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ทั่วโลก เป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลในปีนี้ อย่ามองแค่ผลกระทบไทยกับสหรัฐ แต่ต้องดูทั้งโลก ไทยกับประเทศคู่ค้าอื่น ไทยกับการค้าโลก ที่เชื่อว่าหากทรัมป์ยังไม่ทบทวนอัตราภาษีนำเข้า หรือ การเจรจาใดๆไม่ว่าไทย หรือ กับประเทศอื่นๆ ไม่เป็นผล ยังยืนจะปรับภาษีนำเข้าสูง จะเกิดความบิดเบี้ยวของการผลิต การค้า และเศรษฐกิจโลก ทุกประเทศเมื่อส่งเข้าสหรัฐได้ลดลง ก็จะหันไปชิงตลาดอื่นๆ สินค้าต่างชาติจะทะลักเข้ามาพร้อมกัน อย่ามองแค่จีน ซัพพลายเชนของโลกจะไม่เหมือนเดิม ซึ่งก็ต้องขอบคุณรัฐบาลที่เร่งเรื่องที่จะเจรจา แม้การเจรจาอาจไม่ง่ายและต้องแลก ทั้งส่วนที่ได้และส่วนที่เสีย คงต้องชั่งน้ำหนักอะไรสูงกว่ากัน ไม่ว่าจะเพิ่มเรื่องพลังงาน เกษตร เครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ จะแลกกับอะไรบ้าง ซึ่งส่วนที่ไทยเสียหายต้องเร่งเยียวยาและออกมาตรการช่วยเหลือ แน่นอนที่เราจะไปแลก ” นายพจน์ กล่าว
นายพจน์ กล่าวว่า การส่งออกในทางปฏิบัติวันนี้อยู่ในช่วงสับสนและชะงัก ฝั่งทางผู้นำเข้าของสหรัฐชะลอที่จะเปิดเจรจาสั่งสินค้าล็อตใหม่ และดูว่าจะจัดการกับล็อตเดิมที่ได้สั่งซื้อล่วงหน้าและอยู่ระหว่างการจัดส่ง ไม่รู้ว่าจะเจอภาษีใหม่อย่างไร แค่ไหน ไม่รู้ว่าประเทศต่างๆที่กำลังต่อคิวไปเจรจากับสหรัฐ จะบรรลุอย่างไร ส่วนใหญ่รอดูท่าทีและสถานการณ์ที่ตกผลึกจริงๆ ที่ต้องติดตามใกล้ชิดคือ สินค้าคงค้างรอลงเรือเพื่อขนส่งในเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ จะเป็นอย่างไร หากจะเจรจาให้แบ่งครึ่งภาระจากภาษีนำเข้าเพิ่มก็คงเป็นเรื่องยาก เพราะกำไรจากการค้าไม่ได้สูงขนาดนั้น เช่น ไทยเจอ 36% หารครึ่งก็ 18% ไม่มีกำไรที่สูงถึงอย่างนั้นแล้วในการค้าโลกปัจจุบัน
” เราหวังให้การเจรจาของไทย และประเทศอื่นๆ จบลงและได้ข้อสรุปภายในเมษายนถึงพฤษภาคม อาจกระทบไม่มาก แต่หากเลยไปมิถุนายน จะเป็นเรื่องใหญ่ การส่งออกไทย และการค้าโลก ซัพพลายและดีมานด์ จะเพี้ยนไปหมด โอกาสพัง ผมยังไม่ประเมินว่าส่งออกไทยจะเสียหายอย่างไร เพราะตอนนี้อยู่ในจังหวะที่จะเจรจา คืนนี้หรือพรุ่งนี้ ทรัมป์อาจเปลี่ยนอะไรได้อีก การขึ้นภาษีนำเข้าสูงๆสหรัฐก็จะกินใช้ของแพง การนำเข้าก็อาจไม่ได้เท่าเดิม ทุกประเทศก็ต้องหาตลาดอื่นๆทดแทน จากนี้ผมอยากให้มองความร่วมมืออาเซียนบวก3 ประเทศหลัก คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ในการเพิ่มการค้า การลงทุน กันมากขึ้น ซึ่งอาเซียนกับ 3 ประเทศมีประชากรรวมกันก็ 2 พันล้านคน ระยะทางขนส่งไม่ได้ไกลเท่าสหรัฐ และซัพพลายเชนระหว่างกันก็มีมาก ผมเชื่อว่านโยบายทรัมป์รอบนี้ เปลี่ยนเกมการค้าโลกแน่นอน ” นายพจน์ กล่าว