กระทบหลักร้อยล้าน! ค้าส่ง ร่อนจ.ม.ถึงเนสท์เล่ ขอเร่งแก้ปัญหา-เยียวยาผู้ค้า หลังศาลสั่งหยุดจำหน่าย

ร้านค้าส่ง ร่อนจ.ม.ถึงเนสท์เล่ ขอเร่งแก้ปัญหา-เยียวยาผู้ค้า หลังศาลสั่งหยุดจำหน่าย ชี้กระทบรายได้หนัก

เมื่อวันที่ 11 เมษายน นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด ผู้ค้าปลีกและค้าส่งรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานี ได้ทำหนังสือถึง บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด โดยมีใจความดังนี้

เรื่อง ผลกระทบจากคำสั่งคาลให้หยุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในประเทศไทย

เรียน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด

ADVERTISMENT

ด้วย บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด ในฐานะคู่ค้าและเป็นผู้จัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ ในเขตจังหวัดอุดรธานี มาเป็นระยะเวลายาวนาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการค้ามีอัตราการเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด และยอดขายของ ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ ถือเป็นยอดขายหลักที่สำคัญ ผู้บริโภคมีความมั่นใจและยอมรับในคุณภาพมาตรฐานของสินค้า

จากคำสั่งคุ้มครองของศาล ที่ให้บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด หยุดผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสกาแฟทั้งหมดในทุกพื้นที่ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมานั้น ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขาย รายได้และค่าใช้จ่ายของ บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด อย่างมีนัยสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะรายได้จากยอดขายและค่าดำเนินงานต่างๆ ที่มีการใช้ในการพัฒนาการขาย ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ อาทิเช่น กิจกรรมส่งเสริมการขาย

ADVERTISMENT

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้บริษัทฯ จะมิใช่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับสาเหตุของคำสั่งดังกล่าว แต่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านในการพิจารณาแนวทางเยียวยา หาวิธีการแก้ไขปัญหาให้บริษัทฯสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบและหวังว่าปัญหาดังกล่าวจะถูกแก้ไขได้โดยเร็ว และสามารถดำเนินธุรกิจร่วมกับท่านได้ต่อไปในอนาคตอย่างราบรื่น

ก่อนหน้านี้นายมิลินทร์ระบุว่า หลังจากที่เนสท์เล่แจ้งไม่รับคำสั่งซื้อแล้ว ตอนนี้สินค้ายังมีขายแต่ก็เหลือน้อย ทั้งนี้มีความกังวลว่าต่อไปอาจจะขาดตลาดได้ ซึ่งที่ร้านเองได้ขายสินค้าให้เนสท์เล่ปีละ 300-400 ล้านบาท หรือเดือนละ 30 กว่าล้านบาท โดยเป็นยอดขายเฉพาะเนสกาแฟอยู่ที่เดือนละประมาณ 18-20 กว่าล้านบาท ถ้าไม่ได้ขายต่อ คงมีผลกระทบต่อรายได้มากพอสมควร

ขณะที่ เฟซบุ๊ก ยงสงวน ซึ่งเป็นร้านค้าส่งใน จ.อุบลราชธานี ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “12.5 ล้านต่อเดือน 150 ล้านต่อปี ตัวเลขนี้ไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนได้ มันคือตัวเลขของเนสกาแฟที่ขายในยงสงวน ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ ผมยังถามตัวเองอยู่ว่า ผมจะต้องขายอะไรเพื่อมาทดแทนตัวเลขนี้

สำหรับผมเนสกาแฟไม่ใช่แค่สินค้า แต่มันคืออาชีพที่ผมและพี่น้องทำ มันคือรายได้อันดับต้นๆ ที่ผมนำมาหล่อเลี้ยงครอบครัว คำสั่งศาลสั่งให้เนสกาแฟหยุดจำหน่ายสินค้าชั่วคราว ก็เท่ากับว่า สั่งให้ทุกร้านค้าในประเทศไทยนี้หยุดเช่นกัน

บนเศรษฐกิจแบบนี้เราจะทำอย่างไร ในเมื่อทุกอย่างอยู่บนโครงสร้างของต้นทุนที่สูงลิบแต่รายได้กลับหายไป บางคนเป็นตัวแทน บางคนขายส่ง และบางคนขายปลีก มันคือหลายหมื่นร้านค้าที่ต้องสูญเสียรายได้ มันคือพนักงานหลายพันที่อาจจะต้องเสียงาน และมันคือหลายล้านคนที่ต้องเปลี่ยนไปบริโภคในสิ่งที่เค้าไม่ต้องการ
ไม่ว่ามันจะจบลงอย่างไร ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายนะครับ แค่ขอจบมันให้เร็วหน่อย เพื่อทุกผลกระทบ….ขอสันติจงมีแด่ท่านครับ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image