อสังหาฯมองเศรษฐกิจปีนี้โตไม่ถึง2% เปรียบ”ไทย”เหมือนแซนด์วิช ถูกบีบทั้งจีน-สหรัฐ แนะเจาะตลาดใหม่บาลานซ์ภาษีทรัมป์
เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า แม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจะขยายเวลาการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย 36% ออกไปอีก 90 วัน ทางรัฐบาลก็ต้องอาศัยช่วงเวลานี้ เพื่อเตรียมแนวทางการเจรจากับสหรัฐอย่างรอบคอบและรอบด้าน ไม่ให้กระทบต่อธุรกิจการส่งออกของไทยมากจนเกินไป อีกทั้งไม่ควรจะไปรอถึง 90 วัน ถ้าสามารถดำเนินการได้ก่อนก็ต้องเร่งดำเนินการ ถ้าสินค้าไหนจำเป็นต้องซื้อจากสหรัฐก็ต้องซื้อ แต่ก็ต้องมีการวิเคราะห์และพิจารณาความคุ้มค่ากับประเทศอื่นๆด้วย เพื่อไม่ให้มีความเสียเปรียบ
“ตอนนี้ประเทศไทย เหมือนเป็นแซนด์วิช ถูกบีบทั้งจีนและสหรัฐ ถ้าไม่มีการวางแผนและวางยุทธศาสตร์ให้ดี อาจจะเสียเปรียบได้ ซึ่งรัฐบาลเองก็ควรต้องมีคณะทำงานที่ดูรายเซกเตอร์ เพื่อลงลึกรายละเอียด ไม่ใช่ดูเฉพาะภาพรวมกว้างๆ เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ต้องหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มหรือตลาดที่ไทยยังเจาะไม่ได้เต็มที่ เพื่อทดแทนตลาดสหรัฐที่อาจจะหดตัวไป เช่น ประเทศอินเดีย ปากีสถาน เนปาล บังกลาเทศ ศรีลังกา เป็นต้น”นายอธิปกล่าว
นายอธิปกล่าวว่า ทั้งนี้มองว่าจากวิกฤตภาษีทรัมป์ และแผ่นดินไหว ที่มาพร้อมกันนั้น จะส่งผลกระทบต่อจีดีพีไทยในปี 2568 โตต่ำกว่า 2% คงไม่ถึง 3% อย่างที่รัฐบาลคาดหมายไว้ เนื่องจากดูแล้วในปีนี้สถานการณ์การส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ คงจะยังไม่ดี ซึ่งเป็นทั่วโลกไม่ใช่แค่ประเทศไทย ยังมีประเทศคู่ค้าที่ไทยต้องส่งออกไปด้วย ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ที่ปรับขึ้นเหมือนกัน ดังนั้นจึงอาจจะกระทบต่อคำสั่งซื้อสินค้าจากไทยด้วย
“สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มีโอกาสจะติดลบ เพราะเจอเหตุการณ์ทั้งแผ่นดินไหวและภาษีทรัมป์ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวมากระทบต่อกำลังซื้อ จากเดิมต้นปีมองว่าจะยังพอไปได้ แต่มาเจอเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ก็คงต้องทำใจ เพราะปีนี้ยอดขายและยอดโอนคงไม่เป็นตามเป้า ผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับตัวไม่ลงทุนมากจนเกินไป เน้นรักษาสภาพคล่องและกระแสเงินสดไว้ในมือเพื่อให้อยู่ได้”นายอธิปกล่าว